Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
2/4/2024
บทความของโรเบิร์ต ครูซ นักการศาสนาในสหรัฐ ซึ่งมีความเชื่อเรื่องการกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู ได้โพสต์ลงใน Adventist Today โดยมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับอิสราเอล และสงครามในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เขาบอกว่า เมื่อครั้งที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจในปี 2017 ที่จะยอมรับให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลอย่างเป็นทางการ ด้วยการย้ายสถานทูตสหรัฐไปอยู่ที่นั่น เรื่องนี้มีอะไรมากกว่าการปรับเปลี่ยนทางภูมิรัฐศาสตร์ เพราะสำหรับชาวอเมริกันผู้เคร่งศาสนาแล้ว สิ่งนี้เป็นไปตามคำพยากรณ์ของไบเบิ้ล ซึ่งทำนายทายทักในเหตุการณ์อันน่าปิติยินดี รวมถึงวันสิ้นโลก
กลุ่มชาวคริสต์ผู้เคร่งศาสนา ต่างเฝ้าจับตาความเป็นไปของอิสราเอลมานานหลายสิบปีแล้ว โดยยึดหลักคำพยากรณ์ของพระคัมภีร์ แต่ก็มีสถานการณ์ทางการเมืองแทรกซึมเข้ามาด้วย
พวกเขาเชื่อกันว่า เมื่อวาระสุดท้ายของโลกมาถึง พระเจ้าจะดึงให้ชาวยิวกลับมารวมตัวกันที่อิสราเอล เพื่อสร้างวิหารขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และยอมรับให้พระเยซู คือ พระเมสสิยาห์ โดยชอบธรรม เหตุการณ์ในหน้าประวัติศาสตร์และคำทำนายจะจุดชนวนให้ผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง เชื่อว่า พระเยซูจะกลับลงมาอีกครั้ง ความสำเร็จของอิสราเอลจะทำให้คำทำนายในไบเบิ้ลได้รับความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
บทความในนิวส์วีค เคยสรุปเรื่องนี้ว่า เยรูซาเล็มเป็นเหมือนศูนย์กลางของเหตุโลกาวินาศ เยรูซาเล็มเป็นเมืองที่ถูกอ้างไว้ในคำทำนาย ที่ระบุว่า โลกจะอยู่ในความสงบสุขมานาน 1,000 ปี แต่อีก 7 ปีถัดจากนั้น โลกจะเข้าสู่ยุคทุกข์เข็ญ เต็มไปด้วยสงคราม โรคภัยไข้เจ็บ และภัยธรรมชาติ สร้างความเสียหายให้แก่โลกอย่างมาก และอิสราเอลก็จะเป็นชาติที่ยังธำรงอยู่ได้ ภายใต้ความทุกข์ยากเช่นนั้น และในช่วงนั้น วิหารชาวยิวจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้งในเยรูซาเล็ม หลังจากที่วิหารแห่งสุดท้ายถูกทำลายไปแล้วในช่วงคริสต์ศักราชที่ 70
แต่ปัจจุบัน สถานที่สร้างวิหารกลับมีมัสยิดอัลอักซอผุดขึ้นมา ชาวคริสต์ผู้เคร่งศาสนาเชื่อว่า อิสราเอลจะเข้าควบคุมเยรูซาเล็ม เพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างวิหารชาวยิวแห่งใหม่ และวางรากฐานไปสู่วาระสุดท้ายของโลก
ชาวคริสต์ผู้เคร่งศาสนา เชื่อว่า ชาวยิวคืนกลับสู่ดินแดนมาตุภูมิของตนเอง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นไปตามคำทำนายของพระคัมภีร์โบราณ และเนื่องจากพระเจ้าทรงประทานพรให้แก่ผู้ที่ประทานพรแก่ชาวยิว และในทางกลับกัน พระองค์ก็จะไม่ประทานพรให้แก่ผู้ที่เกลียดชังยิว เราจึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ประเทศที่เกลียดชังยิวอย่างรุนแรงเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา คือ เยอรมนี โปแลนด์ และรัสเซีย สามประเทศนี้ล้วนได้รับความทุกข์ยากในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 สวนทางกับประเทศที่ชังยิวน้อยที่สุดในแถบตะวันตก คือ สหรัฐและอังกฤษ สองประเทศนี้ก็มีแต่สิ่งดีดีเข้ามาในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง
นักการศาสนาบางคนเคยตีความคำทำนายในพระคัมภีร์มาตั้งแต่ช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 7 แล้วพอมาถึงปี 1621 เซอร์ เฮนรี่ ฟินช์ นักกฎหมายผู้มีชื่อเสียงและเป็นสมาชิกรัฐสภาอังกฤษ ก็เขียนบทความเรียกร้องให้คนอังกฤษและรัฐบาลสนับสนุนให้ชาวยิวไปตั้งถิ่นฐานในปาเลสไตน์ เพื่อให้เป็นไปตามคำทำนายในพระคัมภีร์
สงครามหกวันที่เกิดขึ้นในปี 1967 เป็นการสู้กันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับ คือ จอร์แดน ซีเรีย และอียิปต์ ส่งผลให้อิสราเอลได้เข้าควบคุมเขตเมืองเก่าของเยรูซาเล็มเป็นครั้งแรกในรอบ 2,000 ปี แต่เนินพระวิหารยังอยู่ภายใต้การควบคุมของชาวมุสลิม เพราะมีมัสยิดอัลอักซอตั้งอยู่ ขณะที่ชาวคริสต์ผู้เคร่งศาสนามองว่า ชัยชนะในปี 1967 เป็นไปตามคำทำนายของพระคัมภีร์ เพื่อเปิดทางให้อิสราเอลสร้างวิหารขึ้นมาอีกครั้งในพื้นที่นี้
สัญญาณอย่างหนึ่งที่บ่งชี้ว่า วิหารจะได้สร้างในไม่ช้า ก็คือ การแพร่พันธุ์วัวแดงได้สำเร็จ เพราะขี้เถ้าจากการบูชายัญวัวแดงเป็นสิ่งจำเป็นในการชำระล้างนักบวชของวิหารรวมถึงแท่นบูชา
สถานการณ์ปัจจุบันที่คุกคามเสถียรภาพของตะวันออกกลาง หลายคนก็คาดเดาว่า วิหารของชาวยิวอาจได้สร้างขึ้นใหม่ในอีกไม่กี่เดือน หรือ ไม่กี่ปี นับจากนี้ ชาวคริสต์ผู้เคร่งศาสนาและขบวนการไซออนิสต์ ซึ่งสนับสนุนการสร้างชาติยิวขึ้นมาในดินแดนปาเลสไตน์ มองว่า ตอนนี้ อิสราเอลมีข้อได้เปรียบที่จะชนะสงคราม กำจัดฮามาส และสร้างวิหารที่สามขึ้นมาเสียที สถานการณ์ใกล้เป็นจริงเข้ามาแล้ว
พวกเขายังหวังว่า สงครามครั้งนี้ จะยุติสงครามทั้งหมดโดยรวม ทำให้โลกปลอดสิ่งชั่วร้ายและเต็มไปด้วยสันติภาพ ผู้ที่ยอมรับว่า พระเยซูคือพระผู้ช่วยให้รอดก็จะได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ ซึ่งขบวนการไซออนิสต์และชาวคริสต์อ้างว่า คำทำนายจากพระคัมภีร์จะเป็นจริง ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อ ไม่ว่าจะเป็นชาวยิวและมุสลิม ก็จะไม่รอด
สรุปได้ว่า เบื้องหลังกลุ่มที่สนับสนุนอิสราเอล ก็คือ ชาวคริสต์ที่มีแนวคิดแบบชาตินิยม โดยเชื่อว่า พระเจ้าจะบีบให้ทั้งโลกกลายมาเป็นชาวคริสต์ พระเจ้าจะอำนวยพรให้แก่ความพยายามที่จะเปลี่ยนโลกให้เป็นคริสต์ สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส ก็แค่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนี้เท่านั้น แต่สิ่งที่น่าเศร้าก็คือ ชีวิตคนจริงๆ ที่สังเวยไปกับเรื่องนี้ กลับไม่ได้ถูกให้ความสำคัญมากนัก
By IMCTNews
© Copyright 2020, All Rights Reserved