8/10/2024
กระทรวงการคลังรัสเซียเปิดเผยแผนปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การสำรองโลหะมีค่าครั้งสำคัญ โดยเสนอจัดสรรงบประมาณ 51.5 พันล้านรูเบิล (ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท) ในปี 2568 เพื่อซื้อโลหะมีค่าและอัญมณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มเงิน (Silver) เข้าสู่คลังสำรองของรัฐเป็นครั้งแรก และการกลับมาซื้อแพลเลเดียมอีกครั้งหลังจากที่หยุดซื้อมานานกว่าทศวรรษ
ตามร่างงบประมาณของรัฐบาลกลางระยะ 3 ปีที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว Interfax และอ้างอิงโดย Bloomberg รัสเซียมีแผนจะซื้อทองคำบริสุทธิ์ เงิน แพลตินัม และแพลเลเดียม เพื่อเพิ่มสัดส่วนของสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในกองทุนแห่งรัฐ โดยกระทรวงการคลังเชื่อว่า "การสร้างสำรองโลหะมีค่าบริสุทธิ์จะช่วยให้มั่นใจได้ว่างบประมาณของรัฐบาลกลางจะสมดุล เศรษฐกิจจะพัฒนาอย่างมั่นคง และสามารถตอบสนองความต้องการด้านอุตสาหกรรมของประเทศในกรณีฉุกเฉิน"
โกครัน (Gokhran) หน่วยงานที่ดูแลคลังสำรองโลหะมีค่าของรัสเซีย เคยสะสมแพลเลเดียมไว้ในช่วงยุคโซเวียต แต่ได้ขายออกไปจนหมดภายในปี 2555 และไม่ได้กลับมาซื้ออีกจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ การรวมเงินในกลยุทธ์การซื้อของกองทุนแห่งรัฐถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากเงินยังไม่เคยอยู่ในความสนใจของธนาคารกลางมาก่อน
แผนการจัดสรรงบประมาณในปี 2568 สอดคล้องกับวงเงินที่กำหนดไว้สำหรับการซื้อโลหะมีค่าและอัญมณีในปี 2566 และ 2567 นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้จัดสรรงบประมาณในจำนวนเท่ากันสำหรับปี 2569-2570 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากแผนเดิมที่จะจัดสรร 38.9 พันล้านรูเบิล
ในส่วนของรายได้ คาดว่าการขายโลหะมีค่าและอัญมณีในปีหน้าจะอยู่ที่ 1 พันล้านรูเบิล เท่ากับที่วางแผนไว้เมื่อปีที่แล้ว โดยในปี 2569 คาดว่ายอดขายจะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่จะลดลงเหลือ 500 ล้านรูเบิลในปี 2570 กระทรวงการคลังยังเปิดเผยแผนการขายสินทรัพย์มีค่าบางส่วน โดยระบุว่าจะขายเพชรขนาดเล็ก เพชรเจียระไน และของมีค่าประเภทอื่นที่มีสภาพคล่องต่ำ
นักวิเคราะห์มองว่า การตัดสินใจของรัสเซียเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองต่อมาตรการคว่ำบาตรที่แยกประเทศออกจากระบบธนาคาร SWIFT ทำให้รัสเซียต้องมุ่งเน้นการกระจายสำรองด้วยสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูง การเคลื่อนไหวนี้ยังอาจส่งผลให้ธนาคารกลางและรัฐบาลทั่วโลกเริ่มทบทวนบทบาทของเงินในสำรองของตน
จังหวะเวลาของการประกาศนี้มีความน่าสนใจ เนื่องจากเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินส่งสัญญาณว่าจะควบคุมการส่งออกแร่ธาตุสำคัญอย่างเข้มงวด และก่อนการประชุม BRICS ในเดือนตุลาคม ซึ่งประเทศสมาชิกมักหารือเกี่ยวกับระบบการเงินทางเลือกนอกเหนือจากรูปแบบตะวันตก
แม้ว่าผลกระทบระยะสั้นต่อตลาดโลหะมีค่าอาจจำกัด แต่ในระยะยาวอาจมีนัยสำคัญ หากการตัดสินใจของรัสเซียกลายเป็นแนวโน้มที่แพร่หลายในหมู่รัฐบาลทั่วโลก อาจส่งผลต่ออุปสงค์และราคาของโลหะมีค่าในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงิน ซึ่งอาจกลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง และอาจมีบทบาทคล้ายทองคำในการเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความผันผวนทางการเงิน
การตัดสินใจครั้งนี้ของรัสเซียสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก โดยมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ขณะเดียวกันก็อาจส่งผลกระทบต่อตลาดโลหะมีค่าและระบบการเงินโลกในอนาคต
IMCT News