DeepSeek ปรากฏการณ์พลิกดุลอำนาจ AI จุดเปลี่ยนดึงนักลงทุนสายเทคฯทั่วโลกจากสหรัฐฯ สู่จีน?
29-1-2025
ปรากฏการณ์ DeepSeek สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) สัญชาติจีน กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาดเทคโนโลยีโลก สะท้อนสถานการณ์การแข่งขันระหว่างมหาอำนาจสองขั้วอย่างสหรัฐอเมริกาและจีน
เป็นที่ชัดเจนว่า ทั้งสงครามการค้าในยุคทรัมป์ (2017-2021) และมาตรการควบคุมที่เข้มงวดของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ไม่สามารถหยุดยั้งความทะเยอทะยานทางเทคโนโลยีของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แม้จะเจออุปสรรคบ้าง แต่นโยบาย "Made in China 2025" ของจีนกลับได้รับชัยชนะครั้งสำคัญด้านการประชาสัมพันธ์
DeepSeek สร้างความตื่นตะลึงให้ตลาดโลกด้วยการเปิดตัวโมเดล AI ที่มีต้นทุนต่ำโดยใช้ชิปที่มีประสิทธิภาพน้อยกว่า ส่งผลกระทบต่อยักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia ของสหรัฐฯ และ ASML ของเนเธอร์แลนด์ พร้อมทั้งสั่นคลอนความมั่นใจของบรรดาผู้ประกอบการในซิลิคอนวัลเลย์ที่สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์ จนทำให้ความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ถูกตั้งคำถามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความสำเร็จของ DeepSeek ยังบดบังความสำคัญของโครงการ Stargate AI มูลค่า 500,000 ล้านดอลลาร์ ที่ทรัมป์เพิ่งประกาศร่วมกับผู้นำวงการเทคโนโลยีอย่างแซม อัลต์แมน จาก OpenAI, มาซาโยชิ ซอน จาก SoftBank และแลร์รี่ เอลลิสัน จาก Oracle เมื่อวันที่ 21 มกราคม จนทำให้โครงการดังกล่าวดูเหมือนข่าวเก่าและอาจกลายเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า
สถานการณ์นี้ส่งผลให้รัฐบาลจีนต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของตน ขณะที่ทรัมป์ได้รับบทเรียนว่าการใช้มาตรการภาษีเพียงอย่างเดียวไม่สามารถฟื้นฟูนวัตกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีนได้ จำเป็นต้องมีนโยบายที่กล้าหาญมากกว่านี้
ขณะที่จีนกำลังทุ่มเทงบประมาณหลายล้านล้านดอลลาร์เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งยานยนต์ไฟฟ้า เซมิคอนดักเตอร์ พลังงานหมุนเวียน หุ่นยนต์ เทคโนโลยีชีวภาพ การบิน รถไฟความเร็วสูง และ AI แต่ทรัมป์กลับมุ่งเน้นนโยบายแบบเดิม ทั้งการขึ้นภาษี ลดดอกเบี้ยธนาคารกลาง และทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า
นักเศรษฐศาสตร์หลายรายเห็นว่า ทรัมป์ควรหันมาเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ตามแนวทางของไบเดนที่แม้จะมีข้อผิดพลาดทางนโยบาย แต่ก็วางรากฐานให้สหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า โดยเฉพาะพระราชบัญญัติ CHIPS และวิทยาศาสตร์ปี 2022 ที่จัดสรรงบประมาณ 300,000 ล้านดอลลาร์เพื่อเสริมสร้างการวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ รวมถึงการพัฒนาขีดความสามารถด้านเซมิคอนดักเตอร์และโครงสร้างพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม แม้ทรัมป์จะพูดถึงการผ่อนคลายกฎระเบียบ แต่ยังไม่มีแผนชัดเจนในการต่อยอดนโยบายด้านเทคโนโลยีของไบเดน ความสำเร็จของ DeepSeek จึงเป็นสัญญาณเตือนทั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนและทีมทรัมป์ว่าถึงเวลาที่ต้องยกระดับการแข่งขัน โดยเฉพาะในขณะที่นักลงทุนทั่วโลกกำลังเริ่มหันความสนใจกลับมาที่ศักยภาพด้านเทคโนโลยีของจีนอีกครั้ง
---
IMCT NEWS : Photo Image: X Screengrab
ที่มา https://asiatimes.com/2025/01/deepseeks-shock-in-wider-us-vs-china-perspective/
--------------------------------------
'Nvidia ชม DeepSeek ของจีนเป็นความก้าวหน้าทาง AI ที่ยอดเยี่ยม
29-1-2025
CNBC รายงานว่า Nvidia ผู้ผลิตชิปยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ออกมาชื่นชม DeepSeek R1 โมเดล AI ตัวใหม่ของจีนว่าเป็น "ความก้าวหน้าที่ยอดเยี่ยม" แม้การเปิดตัวของสตาร์ทอัพจีนรายนี้จะทำให้ราคาหุ้น Nvidia ร่วงลง 17% ในวันจันทร์
โฆษก Nvidia กล่าวกับ CNBC ว่า "DeepSeek เป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของการปรับขนาดในช่วงทดสอบ และแสดงให้เห็นว่าเราสามารถสร้างโมเดลใหม่ได้โดยใช้เทคนิคนี้ ร่วมกับโมเดลที่มีอยู่ทั่วไปและการคำนวณที่สอดคล้องกับข้อกำหนดการควบคุมการส่งออก"
DeepSeek เพิ่งเปิดตัวโมเดล R1 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นโมเดล AI แบบโอเพนซอร์สที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าโมเดลชั้นนำจากบริษัทสหรัฐฯ อย่าง OpenAI โดยใช้งบประมาณในการพัฒนาเพียง 6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับบริษัทในซิลิคอนวัลเลย์ที่ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์
Nvidia ยืนยันว่า GPU ที่ DeepSeek ใช้เป็นรุ่นพิเศษสำหรับตลาดจีนที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังมีข้อสงสัยจาก Alexandr Wang ซีอีโอ Scale AI ว่าอาจใช้ชิปที่ถูกสหรัฐฯ สั่งแบน พร้อมระบุว่าการประมวลผลอนุมานของ DeepSeek ยังต้องใช้ GPU จำนวนมากและระบบเครือข่ายประสิทธิภาพสูง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เริ่มตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของการลงทุนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐาน AI ของบริษัทยักษ์ใหญ่ หลัง Microsoft ประกาศลงทุน 80,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2025 และ Meta วางแผนลงทุน 60,000-65,000 ล้านดอลลาร์
จัสติน โพสต์ นักวิเคราะห์จาก BofA Securities คาดว่าหากต้นทุนการพัฒนาโมเดล AI ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทโฆษณา ท่องเที่ยว และแอปพลิเคชันผู้บริโภคที่ใช้บริการ AI คลาวด์ ขณะที่รายได้และต้นทุนของผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่จะลดลงในระยะยาว
ความสำเร็จของ DeepSeek สะท้อนการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรม AI จากเดิมที่เชื่อว่าต้องใช้ทรัพยากรการคำนวณและข้อมูลมหาศาลตาม "กฎการปรับขนาด" ที่ OpenAI เสนอในปี 2020 มาสู่แนวคิด "การปรับขนาดในช่วงทดสอบ" ที่เจนเซ่น หวง ซีอีโอ Nvidia และแซม อัลท์แมน ซีอีโอ OpenAI กำลังให้ความสนใจ
แนวคิดใหม่นี้เน้นการใช้พลังการประมวลผลเพิ่มเติมในขั้นตอนการทำนายหรือสร้างเนื้อหา เพื่อให้ AI มีเวลา "คิดหาเหตุผล" มากขึ้น แทนที่จะทุ่มทรัพยากรไปกับการฝึกฝนโมเดล ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้ทั้งในโมเดล o1 ของ OpenAI และ R1 ของ DeepSeek
---
IMCT NEWS
----------------------------------------
‘ทรัมป์’ ชี้ DeepSeek เป็นสัญญาณเตือน ‘อุตฯ มะกัน’ ต้องแข่งขันให้ได้ ยก AI ต้นทุนถูกเป็นผลดี
29-1-2025
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (27 ม.ค.) ว่าการผงาดของบริษัทสตาร์ทอัป DeepSeek สัญชาติจีนควรเป็นแรงกระตุ้นให้อุตสาหกรรมเทคสหรัฐฯ ต้องยกระดับศักยภาพในการแข่งขัน พร้อมชี้ว่าเป็นเรื่องดีที่บริษัทจีนสามารถสร้างเครื่องมือเอไอที่มีประสิทธิภาพสูงและรวดเร็วขึ้นด้วยต้นทุนที่ต่ำลง
“การเปิดตัวของ DeepSeek เครื่องมือเอไอจากบริษัทจีน ควรจะเป็นสัญญาณเตือนไปยังอุตสาหกรรมของเราเองว่า เราจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่การแข่งขันเพื่อให้ได้รับชัยชนะ” ทรัมป์ แถลงที่รัฐฟลอริดา
ปรากฏการณ์ความบูมของ DeepSeek ซึ่งมียอดดาวน์โหลดใน App Store แซงหน้า ChatGPT ของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (27) ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกแห่เทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ด้วยความกังวลว่าเอไอต้นทุนต่ำของจีนกำลังจะก้าวขึ้นมาท้าทายอิทธิพลของเหล่าผู้นำด้านเอไอในสหรัฐฯ
“ผมได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับจีนและบางบริษัทในจีน โดยพบว่ามีอยู่เจ้าหนึ่งที่สามารถสร้างโมเดลเอไอที่รวดเร็วด้วยต้นทุนที่ต่ำกว่าเดิมมาก และนั่นเป็นเรื่องที่ดีเพราะคุณจะจ่ายเงินน้อยลง ผมมองเรื่องนี้ในแง่บวก และถือว่ามันเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่ง” ทรัมป์ กล่าว
“ผมมองมันเป็นบวกก็เพราะว่า หากพวกคุณก็ทำแบบนั้นได้ด้วย คุณก็จะมีต้นทุนที่ต่ำลง และได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกัน”
ทรัมป์ ยังเผยด้วยว่า ผู้นำจีนเคยบอกเขาว่าสหรัฐอเมริกามีนักวิทยาศาสตร์ที่ฉลาดปราดเปรื่องที่สุดในโลก และชี้ว่าหากอุตสาหกรรมจีนสามารถสร้างเทคโนโลยีเอไอที่ถูกลงได้ บริษัทสหรัฐฯ ก็จะได้ทำตาม
“พวกเรามีไอเดียอยู่เสมอ เราเป็นกลุ่มแรกเสมอ ฉะนั้นผมมองว่ามันเป็นพัฒนาการที่ดีมากๆ แทนที่จะต้องทุ่มเงินลงทุนเป็นพันๆ ล้านดอลลาร์ คุณจะจ่ายน้อยลง และท้ายที่สุดก็หวังว่าจะได้ผลลัพธ์เช่นเดียวกัน” ทรัมป์ กล่าว
กระแสตื่นตัวด้านเอไอส่งผลให้มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าสู่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีอย่างมหาศาลในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าตลาดและราคาหุ้นของบริษัทด้านเอไอพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
วันพุธที่แล้ว (22) หุ้นในกลุ่มบริษัทเอไอของสหรัฐฯ ดีดตัวสูงขึ้นทันที หลังประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศแผนของภาคเอกชนในการร่วมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเอไอผ่านโครงการที่ชื่อว่า Stargate ซึ่ง ทรัมป์ ระบุว่าใช้เม็ดเงินลงทุนถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ที่มา : รอยเตอร์