Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
5/11/2024
ไนจีเรีย หนึ่งในประเทศเศรษฐกิจใหญ่สุดในแอฟริกา กลายมาเป็นประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS และในสัปดาห์เดียวกันนั้นเอง สหรัฐก็เพิ่งออกแถลงการณ์ตอกย้ำความสัมพันธ์กับไนจีเรีย สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กัน ทำให้ไนจีเรียเผชิญความท้าทายขึ้นมาทันที อย่างน้อยก็ประเด็นคริปโต ที่ทั้งกลุ่ม BRICS และสหรัฐ ต่างมีมุมมองที่แตกต่างกัน
โดยเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สถานทูตและสถานกงสุลสหรัฐในไนจีเรีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า สหรัฐและไนจีเรีย ทำข้อตกลงระดับทวิภาคี ที่จะสู้กับอาชญากรรมในโลกไซเบอร์ มุ่งเน้นไปที่การเคลื่อนย้ายเงินทุนผิดกฎหมายและคริปโต
ทั้งสหรัฐและไนจีเรีย มีจุดยืนชัดเจน ต้องออกกฎควบคุมคริปโต เพราะเกรงจะเกิดการฟอกเงิน การใช้คริปโตหนุนการก่อการร้าย และกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ
รายงานของ Chainalysis ระบุว่า ไนจีเรียเป็นประเทศที่ใช้คริปโตมากเป็นอันดับสองของโลก เพราะไนจีเรียต้องการใช้ stablecoin หรือเหรียญคริปโตที่มีความมั่นคงสูง มาแทนที่ดอลลาร์สหรัฐซึ่งไนจีเรียมีไม่มากพอ
ไนจีเรียได้รับคริปโตมากถึง 59,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2 ล้านล้านบาท ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 ถึง มิถุนายน 2024 โดยหวังว่า อาจนำมาช่วยกอบกู้สถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศ แต่ผลกลับกลายเป็นอีกอย่าง
เดิมทีรัฐบาลไนจีเรีย คาดว่า จะผ่อนคลายมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายคริปโต แต่ก็ทำได้ไม่นาน เพราะในไม่ช้า ก็ต้องออกกฎระเบียบควบคุมที่เข้มงวดขึ้น หลังคริปโตทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง เพราะการซื้อขายคริปโต ทำให้สกุลเงินไนราของไนจีเรีย เสื่อมค่าอย่างรวดเร็ว
แม้รัฐบาลไนจีเรียจะคุมเข้มคริปโตมากขึ้น แต่อัตราเงินเฟ้อก็ยังพุ่งทะยานต่อ ไอเอ็มเอฟรายงานเศรษฐกิจไนจีเรียมีการเติบโตต่ำ เกิดความท้าทายทางการเงิน และค่าครองชีพพุ่งสูง ไอเอ็มเอฟเรียกร้องไนจีเรียเร่งปฏิรูป และผุดนโยบายการเงินที่ดีกว่านี้ เพื่อให้เศรษฐกิจมีความยืดหยุ่นและต้องเจาะกลุ่มตลาดใหม่
แต่หลังจากไนจีเรียได้เป็นประเทศหุ้นส่วนกับ BRICS แล้ว ก็คาดว่า ไนจีเรียอาจจำเป็นต้องประเมินกฎระเบียบคุมเข้มคริปโตเสียใหม่ เพราะกลุ่ม BRICS เอ่ยปากหนุนคริปโต และมีแผนจะใช้ระบบชำระเงินโดยอิงจากบล็อกเชน เพื่ออำนวยความสะดวกในการซื้อขายข้ามประเทศ และยังส่งเสริมให้สมาชิกใช้คริปโตในการค้าระหว่างประเทศอีกด้วย
รัสเซีย ก็ได้หันมาใช้คริปโตในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศแล้ว หลังถูกคว่ำบาตร ด้วยการอายัดทุนสำรองระหว่างประเทศ ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของ BRICS ไนจีเรียจึงอาจจะต้องผ่อนคลายกฎระเบียบควบคุมคริปโตและสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ทั้งที่สหรัฐเคยหนุนให้ออกกฎระเบียบนี้
ไอเอ็มเอฟยังเตือนให้ไนจีเรีย ใช้วิธีขึ้นทะเบียนการซื้อขายคริปโต และใช้มาตรการต่อต้านการฟอกเงินอย่างเข้มงวด และการใช้คริปโตไปหนุนผู้ก่อการร้าย ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่า ไนจีเรียจะไปทางไหน เพราะถ้าเอียงไปทาง BRICS คือหนุนคริปโต ก็อาจเสี่ยงต่อการถูกตะวันตกคว่ำบาตร หากคริปโตที่ใช้กันอย่างเฟื่องฟูในไนจีเรีย ถูกจับได้ว่า ไปข้องเกี่ยวกับการฟอกเงินและหนุนก่อการร้าย การคว่ำบาตรอาจบ่อนทำลายเศรษฐกิจไนจีเรียและการลงทุนจากต่างชาติอีกด้วย
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://www.cryptopolitan.com/nigeria-economic-dilemma-brics-us/
© Copyright 2020, All Rights Reserved