อินเดีย-อังกฤษ เตรียมรื้อฟื้นเจรจา FTA
36 0C
Thailand
Thailand
อินเดีย-อังกฤษ เตรียมรื้อฟื้นเจรจา FTA หวังดันการค้าพุ่ง 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ลดพึ่งพาจีน-รับมือทรัมป์
20-11-2024
ARAB NEWS รายงานว่า อินเดียและสหราชอาณาจักรเตรียมกลับสู่โต๊ะเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) อีกครั้งในต้นปีหน้า หลังจากการพบปะหารือระหว่างนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย และนายเคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำ G20 ที่บราซิล
ทั้งสองประเทศเริ่มเจรจา FTA ครั้งแรกในปี 2565 โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีเป็น 2 เท่าภายในปี 2573 จากมูลค่าเดิมที่ 31,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้การเจรจาจะหยุดชะงักไประยะหนึ่ง แต่มูลค่าการค้ารวมระหว่างสองประเทศที่ถือเป็นเศรษฐกิจอันดับ 5 และ 6 ของโลก ได้เพิ่มขึ้นเป็น 42,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
สำนักนายกรัฐมนตรีอินเดียเปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองประเทศเห็นพ้องถึงความสำคัญในการเร่งรัดการเจรจา FTA โดยแสดงความเชื่อมั่นว่าทีมเจรจาจะสามารถแก้ไขประเด็นคงค้างได้อย่างเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย พร้อมสั่งการให้รัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงเร่งดำเนินการตามกรอบความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้านระหว่างอินเดีย-อังกฤษ
ด้านสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษระบุว่า สหราชอาณาจักรมุ่งหวังที่จะสร้าง "หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์รูปแบบใหม่" ที่ครอบคลุมความร่วมมือเชิงลึกในด้านความมั่นคง การศึกษา เทคโนโลยี และการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นายโมดีย้ำผ่านโซเชียลมีเดีย X ว่า ความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับอังกฤษเป็น "ความสำคัญลำดับต้น" ของอินเดีย โดยในอนาคตทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในด้านเทคโนโลยี พลังงานสะอาด ความมั่นคง และนวัตกรรม รวมถึงการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการค้าและความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม
นางไชรี มัลโฮตรา รองผู้อำนวยการโครงการศึกษายุทธศาสตร์แห่ง Observer Research Foundation ในนิวเดลี ระบุว่า การเจรจาที่ล่าช้าเป็นผลมาจากความไม่มั่นคงทางการเมืองในอังกฤษและการเลือกตั้งในทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม ด้วยรัฐบาลอังกฤษที่มีเสถียรภาพมากขึ้นและการสนับสนุนจากทั้งสองพรรคการเมือง ถือเป็นจังหวะเหมาะสมที่จะรื้อฟื้นการเจรจา
ทั้งนี้ ยังมีประเด็นที่ต้องหาข้อยุติ อาทิ การเรียกร้องของอินเดียให้เพิ่มโควตาวีซ่าสำหรับผู้เชี่ยวชาญและนักศึกษา รวมถึงอัตราภาษีนำเข้าวิสกี้อังกฤษที่สูงของอินเดีย อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายแสดงเจตจำนงทางการเมืองอย่างแข็งแกร่ง โดยอินเดียได้ปรับท่าทีให้เปิดกว้างและมองไปข้างหน้ามากขึ้นในการเจรจาการค้า
นอกจากนี้ ข้อตกลงดังกล่าวยังมีนัยสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ เนื่องจากทั้งอังกฤษและอินเดียต่างต้องการกระจายความเสี่ยงทางการค้าและห่วงโซ่อุปทานเพื่อลดการพึ่งพาจีน ขณะที่ชัยชนะของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งล่าสุด อาจส่งผลต่อการเจรจา เพราะนโยบายด้านภาษีของทรัมป์อาจทำให้ FTA ที่มีศักยภาพในการเพิ่มการค้า การลงทุน และการจ้างงาน มีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
---
