21/6/2024
อินเดียกำลังขยายคลังแสงนิวเคลียร์ พร้อมจับตาความเป็นไปของจีน ที่ก็กำลังทำในแบบเดียวกันอินเดียเริ่มขยายคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ตั้งแต่ปี 2023 โดยเน้นไปที่การพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถโจมตีเป้าหมายในจีนที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านได้ จากรายงานประจำปีของสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศแห่งกรุงสตอกโฮล์ม (SIPRI)
รายงานจากสถาบัน SIPRI คาดว่า อินเดียมีจำนวนขีปนาวุธนิวเคลียร์เพิ่มขึ้นจากเดิม 164 ลูก เป็น 172 ลูก แซงหน้าปากีสถาน ซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์ลำดับที่ 3 ในภูมิภาค ที่มีหัวรบนิวเคลียร์ 170 ลูก จีนเองก็ได้เพิ่มคลังแสงขีปนาวุธนิวเคลียร์อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจาก 410 ลูกในเดือนมกราคม 2023 เป็น 500 ลูกในเดือนมกราคม 2024
SIPRI ยังระบุว่า แม้ปากีสถานจะยังคงเป็นเป้าหมายหลักของแนวคิดการพัฒนานิวเคลียร์เชิงป้องปรามของอินเดีย แต่ดูเหมือนว่าอินเดียกำลังให้ความสำคัญกับอาวุธพิสัยไกลมากขึ้น รวมถึงอาวุธที่สามารถโจมตีเป้าหมายในจีนได้ทั่วถึง
เมื่อปีที่แล้ว อินเดียได้ทดสอบยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ Agni-5 เป็นครั้งแรก ที่มีพิสัยการยิงไกล 5,000 กิโลเมตร และติดตั้งเทคโนโลยี MIRV (Multiple Independently Targetable Re-entry Vehicle) เป็นประเภทหัวรบของขีปนาวุธ ที่ประกอบด้วยหัวรบเทอร์โมนิวเคลียร์หลายหัวรบ โดยสามารถป้อนคำสั่งให้แต่ละหัวรบแยกโจมตีเป้าหมายเฉพาะของตนที่อยู่ไกลออกไปหลายพันกิโลเมตรได้
รายงานเมื่อปีที่แล้วชี้อีกว่า อินเดียกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการติดตั้ง Pralay ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยใกล้จากพื้นสู่พื้น คล้ายกับ Iskander ของรัสเซีย โดยจะติดตั้งตามแนวชายแดนที่ยังคงเป็นข้อพิพาทกับจีนและปากีสถาน
ผู้ร่วมวิจัยด้านโครงการอาวุธทำลายล้างสูงของ SIPRI กล่าวว่า จีนกำลังขยายคลังแสงนิวเคลียร์เร็วกว่าประเทศอื่น ๆ รายงานยังระบุว่า จีนอาจจะมีขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) อย่างน้อยก็มากพอๆ กับรัสเซียหรือสหรัฐฯ ก่อนเข้าสู่ทศวรรษหน้า
รัสเซีย และสหรัฐฯยังคงแซงหน้าประเทศอื่นไปไกลในด้านคลังแสงนิวเคลียร์ โดยครอบครองอาวุธเหล่านี้รวมกันเกือบ 90% ของโลก จากข้อมูลของ SIPRI เผยว่า รัสเซียมีทั้งหมด 4,380 ลูก ในขณะที่สหรัฐฯมีทั้งหมด 3,708 ลูก
โครงการนิวเคลียร์ของอินเดียมุ่งเป้าไปที่จีนมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มสูงขึ้นจากข้อพิพาทเรื่องพรมแดนของสองประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งจีนและอินเดียต่างมีพรมแดนติดกันแต่กำหนดไว้ไม่ชัดเจน คิดเป็นระยะทาง 3,440 กม. ซึ่งเรียกว่า เส้นแบ่งเขตควบคุมตามความเป็นจริง (LAC) ในแถบเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเกิดการปะทะกันมาหลายครั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความตึงเครียดปะทุขึ้นในเดือนมิถุนายน 2020 หลังจากกองกำลังของสองประเทศปะทะกันในหุบเขา Galwan ที่เป็นข้อพิพาท ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายทั้งสองฝ่าย
แม้จีนและอินเดียจะพยายามลดระดับความรุนแรงและถอนทหารออกจากพื้นที่ แต่ยังคงมีจุดตึงเครียดอยู่หลายจุด ทั้งสองฝ่ายยังได้เจรจากันหลายสิบครั้งนับตั้งแต่เกิดเหตุที่ Galwan โดยไม่มีทีท่าว่าจะตกลงกันได้อย่างชัดเจน
นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียกล่าวในบทสัมภาษณ์ล่าสุดว่า อินเดียและจีนจำเป็นต้องเร่งแก้ไขข้อพิพาทชายแดนและแก้ไขความสัมพันธ์ที่ไม่ปกตินี้ หลังจากที่รัฐบาลผสมได้จัดตั้งขึ้นเมื่อต้นเดือนนี้โดยกลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (NDA) ของนายกโมดีที่ชนะการเลือกตั้งที่เพิ่งเสร็จสิ้น นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียยังเน้นย้ำถึงนโยบายของอินเดียที่มุ่งเน้นไปที่การหาทางแก้ไขปัญหาชายแดนที่ยังคงดำเนินอยู่ด้วย สถานทูตจีนประจำกรุงนิวเดลี แถลงว่า จีนยินดีที่จะร่วมมือกับอินเดียเพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์
By IMCT NEWS
อ้างอิงจาก: https://www.rt.com/india/599540-india-expanding-nuclear-arsenal