Thailand
ทำไมทองคำจึงมีราคาสูงขึ้น?
10/3/2024
มีหลายปัจจัยที่ผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความกลัวว่าเศรษฐกิจจะพังทะลาย รัฐบาลจะถังแตก สงครามโลกอาจจะเกิดขึ้น เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด แต่ถ้าจะอธิบายให้ชัดการลดลงของสกุลเงินกระดาษน่าที่จะเป็นปัจจัยที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด เพราะว่าเวลาค่าเงินอ่อนลง ราคาของทองคำหรือสินค้าต่างๆก็ต้องสูงขึ้นโดยปริยาย
มีบางคนอย่างนาย Jim Rickards ที่ปรึกษาทางการเงินให้ซีไอเอเคยบอกว่า ความจริงแล้วราคาทองคำไม่ได้ขึ้นหรือลง มันอยู่ของมันเฉยๆ แต่ที่เห็นมันขึ้นลงคือการแข็งค่าหรืออ่อนค่าของเงินตราต่างหาก
Jesse Colombo แห่งBullion Star เขียนบทความ What You Need to Know About Gold’s Long-Term Bull Market ว่าในช่วง5ทศวรรษที่ผ่านมา สกุลเงินหลักของโลกทั้งหมดถูกลดระดับลงเป็นเพียงสกุลเงิน "กระดาษ" ที่ ไม่ได้รับการหนุนค่าจากทองคำ ซึ่งส่งผลทำให้ให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของปริมาณเงินทั่วโลก และการพังทลายของอำนาจซื้อของสกุลเงินเหล่านั้น
หรือพูดง่ายๆได้ว่า ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ค่าเงินลดลง ส่งผลให้เกิดอัตราเงินเฟ้อหรือค่าครองชีพที่สูงขึ้นตามมา เพราะว่าปริมาณเงินเพิ่มในขณะที่สินค้าและบริการในระบบเศรษฐกิจคงที่ ค่าที่อยู่อาศัย ค่าซื้อของในห้างซุปเปอร์มาร์เก็ต ค่าประกันภัยค่ารถยนต์ ค่ารักษาพยาบาล และค่าเล่าเรียนในวิทยาลัยจะเพิ่มขึ้นพร้อมกัน
ระบบเงินกระดาษที่ไม่มีทองคำหนุนหลังสามารถเพิ่มปริมาณเงินได้ไม่จำกัด มองในอีกแง่หนึ่งเป็นการเพิ่มภาษีให้ประชาชนทั่วไปนั่นเอง ที่ต้องใช้เงินเพิ่มในการชำระสินค้าและบริการ
แต่ถ้าหากเงินตรามีทองคำหนุนหลัง มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเพิ่มปริมาณเงิน และทำให้ค่าเงินด้อยลง เนื่องจากเงินตราที่พิมพ์ออกมาจำต้องมีทองคำจำนวนหนึ่งการันตีหรือสำรองไว้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะพิมพ์หรือเสกทองคำออกมาจากอากาศ ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ ผู้คนจึงวิ่งเข้าหาทองคำเมื่อเมื่อเงินกระดาษถูกค่าจนแทบจะไร้ค่าจากการเพิ่มของปริมาณเงิน
ถ้าดูตามจาราง ปริมาณเงิน M2 ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นหน่วยวัดธนบัตรและเหรียญทั้งหมดที่หมุนเวียนในระบบ รวมท้ังบัญชีกระแสรายวัน เช็คเดินทาง เงินฝากออมทรัพย์ เงินฝากประจำที่ต่ำกว่า 100,000 ดอลลาร์ และกองทุนรวมตลาดเงินรายย่อย จะเห็นได้ว่าปริมาณเงิน M2 ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า4เท่านับตั้งแต่ต้นปี 2000 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญเบื้องหลังแนวโน้มขาขึ้นระยะยาวของทองคำที่เริ่มขึ้นในเวลานั้น
แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วเงินกระดาษจะถูกด้อยค่าลงตามเวลา แต่กระบวนการนี้ก็เร่งเร็วขึ้นอย่างมากหลังวิกฤตการเงินโลกในปี 2007-2008 เนื่องจากเงินช่วยเหลือของรัฐบาลที่อยู่ในรูป มาตรการกระตุ้นทางการคลังและการเงิน และนโยบายการเงินเชิงปริมาณที่(QE) ซึ่งสามารถมองได้ว่าเป็นเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนตลาดการเงิน
การระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในปี 2020 ส่งผลให้เกิดงานพิมพ์เงินเพิ่มอย่างประมาทมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งทำให้ปริมาณเงินเกือบทุกมาตรวัดในแทบทุกประเทศขึ้นในแนวดิ่งในเวลาเพียงไม่กี่เดือน เนื่องจากธนาคารกลาง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ พยายามอย่างยิ่งที่จะประคองเศรษฐกิจของตน และตลาดการเงินในช่วงล็อกดาวน์เพื่อป้องกันโรคระบาด โดยมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่าหลายล้านล้านล้านดอลลาร์
ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นจะกัดกร่อนอำนาจการซื้อของสกุลเงินกระดาษเมื่อเวลาผ่านไป นักเศรษฐศาสตร์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล มิลตัน ฟรีดแมน บรรยายกระบวนการนี้ไว้อย่างกระชับว่า “ภาวะเงินเฟ้อเป็นปรากฏการณ์ทางการเงินเสมอไปทุกหนทุกแห่ง…” ตั้งแต่ปี 2000 เงินดอลลาร์สหรัฐได้สูญเสียกำลังซื้อไปเกือบครึ่งหนึ่ง ส่วนใหญ่เนื่องมาจากการทดลองทางการเงินที่ประมาทเลินเล่อที่ดำเนินการโดยFederal Reserve ซึ่งควรจะเป็นผู้พิทักษ์สกุลเงินของอเมริกาที่ดี แต่ได้พิสูจน์แล้วว่าได้ทำในสิ่งตรงกันข้าม
การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ปี 2000 ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นเพียงแนวโน้มต่อเนื่องที่เริ่มต้นเกือบจะในทันทีหลังจากที่ Federal Reserve ก่อตั้งในปี 1913 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา สกุลเงินอเมริกันก็สูญเสีย 97% ของกำลังซื้อโดยไม่เห็นจุดสิ้นสุด ตราบใดที่เงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นสกุลที่ไม่มีทองคำหนุนหลัง มันก็จะสูญเสียกำลังซื้อต่อไปตามกาลเวลา
เมื่อดอลลาร์สูญเสียอำนาจซื้อมากเท่าใด ราคาทองคำก็จะขึ้นสูงมากเท่านั้น
IMCT News
อ้างอิง : https://www.bullionstar.us/blogs/bullionstar/gold-uptrend/
© Copyright 2020, All Rights Reserved