25/3/2024
คำว่า "currency" และ "money" มักจะมีการนำไปใช้ทดแทนกัน หรือบางครั้งก็อยู่ในประโยคเดียวกันด้วย แตที่จริงมันมีอะไรที่แตกต่างกันอยู่นะ
พูดแบบเข้าใจง่าย ๆ เลย currency ก็เป็นรูปแบบของ money อย่างหนึ่ง .....แต่ currency มักจะอยู่ในรูปของกระดาษหรือเหรียญ ซึ่งตัวมันไม่มีค่าในตัวเอง (intrinsic value) หรือมีก็น้อย เช่น เป็นกระดาษ หรือโลหะเช่นทองแดง นิกเกิ้ล
แต่ currency มีค่าได้ เพราะมันมีอำนาจเป็นตัวแทนของ money เต็มเปี่ยม เช่น มันเป็นกระดาษก็จริง แต่มีมูลค่าตามราคาที่ตราไว้
ในขณะที่ money เป็นมาตรฐานที่ผู้คนยอมรับในความมีค่าของมัน (intrinsic value) เช่นทองคำ และยินดียอมรับในรูปของการใช้ชำระหนี้..หรือการแลกเปลี่ยนทรัพย์ระหว่างคู้ค้า
The history of money
ในอดีต ผู้คนจะแลกเปลี่ยนสินค้ากันโดยตรง เช่น อาหาร ปศุสัตว์ พืชผล ...ถ้าในชุมชนเล็ก ๆ ก็พอจะทำได้ เรียกว่าระบบ barter system ผู้คนสามารถแลกเปลี่ยนสินค้ากันตามความพอใจ แต่มันก็มีข้อเสีย ตรงที่ถูกจำกัดไว้เฉพาะเมื่อความต้องการตรงกัน
สินค้าไม่ได้เป็นที่ต้องการพร้อมกันเสมอไป อีกทั้งมูลค่าก็ไม่ได้ตรงใจเท่ากัน เช่น ผู้ที่ต้องการแลกข้าวกับวัว ต้องหาผู้ที่มีวัวที่ต้องการข้าว เพราะ..การตีมูลค่าจะมีอัตราต่างกัน..ยามที่ไม่มีความต้องการ
แต่ถ้ามีสิ่งที่คนทั่วไปต้องการ มาเป็น medium ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
Commodity money
เมื่อสังคมขยายตัว มี commodity (สินค้าโภคภัณท์) ที่มีจำนวนมาก ๆ จึงเริ่มมีการใช้มันเป็นตัวกลางการแลกเปลี่ยน แต่มันต้องมีจำนวนมากและต้องมีค่าในสายตาของทุกคนเท่ากัน มีการใช้หนังสัตว์ และข้าวโพดกันก่อน มันถูกใช้เป็นตัวกลางเพราะมีการตีมูลค่าเป็นที่ตกลงกันได้ ....นี่เป็นพื้นฐานแรกของ money ในทุกวันนี้ ....ข้อสำคัญคือ มันถูกกำหนดค่าใช้เป็น unit of account เป็นที่ยอมรับกันในสังคม ใช้วัดค่ากับสินค้าอื่น ๆ ได้ทุกชนิด
เมื่อมีเทคโนโลจีการผลิตแร่โลหะมากขึ้น ทำให้มีการถลุงและการแบ่งแยกเป็นส่วนย่อย ....แร่โลหะที่มีค่าก็เป็นโภคภัณท์ที่ perfect ....ทองคำและซิลเวอร์เข้ามาเป็นก้าวแรกของ store of value ซึ่งก็ยังคงเป็นอยู่จนทุกวันนี้
และเพราะทองคำเป็นโลหะที่ไม่มีอันตรายโดยธรรมชาติ ความหายาก ความสวยงามที่โดดเด่นเป็นที่ยอมรับทั่วกัน มันจึงเหมาะมากที่จะเป็น commodity money
Money as we know it today
ถึงแม้ commodity จะมาแก้ปัญหา จนเป็น money ได้แล้ว แต่การพกพา เคลื่อนย้าย และการแบ่งแยกขนาดก็เป็นภาระใหญ่ และเสี่ยงในการเป็น medium โลหะทั้งสองก็มีน้ำหนักมากอีกด้วย ....คนทั่วไปจึงพกพาใบเสร็จการรับฝากทองคำและซิลเวอร์..ที่ทำให้แสดงความเป็นเจ้าของได้ เพื่อใช้แทนเป็น money ในการแลกเปลี่ยนสินค้าตามต้องการ
ช่างทองที่ทำเครื่องประดับ (goldsmiths) จึงเป็นผู้รับฝากทองคำที่ออกใบเสร็จรับให้เจ้าของถือไว้แทน (ตามภาพ) ....ใบเสร็จฯ กระดาษเหล่านี้จึงถือเป็นการใช้ currency รุ่นแรก ๆ ..มีค่าพอที่คนจะยอมรับแลกเปลี่ยนสินค้าได้
ธรรมเนียมปฏิบัตินี้ยังคงมีต่อเนื่องมา อย่างเช่น Pound Sterling paper note ของธนาคารอังกฤษ .... ซึ่งมีข้อความว่า ...
“I promise to pay the bearer on demand the sum of…” (ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะจ่ายให้ผู้ถือเอกสารนี้เป็นจำนวน...) ตามด้วยจำนวนน้ำหนักของทองคำที่ฝากไว้ ผู้ถือสามารถแลกเปลี่ยน bank note หรือ ‘receipt’ ใบนี้ เป็นทองคำได้
แต่เมื่อ Gold Standard ยุติลงในปี 1931 ในอังกฤษ ...bank notes จึงกลายมาเป็น fiat currency เต็มตัว ซึ่งหมายความว่ามันเป็น currency ที่ไม่ได้อิงกับโภคภัณท์ที่มีค่าอีกแล้ว
Do we still use commodities?
สินค้าโภคภัณท์ถือได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของระบบเศรษฐกิจโลก เช่นน้ำมัน หรือสินค้าเกษตรอาหาร ในขณะที่โลกก็มีการค้าระหว่างประเทศกันอยู่เป็นปกติ ...behind the scenes สินค้าเหล่านี้มีการซื้อขายกันมากขึ้น
อิทธิพลของ currency อาจผันแปรได้ ขึ้นลงจนแม้สูญสิ้นไปเลยก็ได้ ...แต่ตราบใดที่โลกยังมีความต้องการใน commodity ค่าของ currency ก็ยังอยู่ และมีแต่จะเพิ่มขึ้น
What is currency?
currency เป็นรูปแบบของ money ที่แตกหน่วยย่อยเป็นตัวเลขได้ นำไปใช้ได้ในลักษณะตั๋วเงิน เหรียญหรือเป็นดิจิตอล ตัวอย่างของ currency ก็คือสกุลเงินทั้งหลาย เช่น ปอนด์ ยูโร ดอลลาร์ หรือบาท
แต่พอเป็นเงินเฟียต มันก็แยกตัวออกจาก commodity ที่เป็นผู้หนุนค่าให้ แต่เงินกระดาษก็สามารถสร้างค่าให้ตัวเองได้ เพราะมันอยู่มานานจนรากงอก สร้างความน่าเชื่อถือในทุกประเทศมาแล้วหลายชั่วอายุคน ทั้ง ๆ ที่มันไม่อิงค่าอะไรเลย
แต่ยังไงก็ตาม เมื่อมาถึงตอนที่เศรษฐกิจมีปัญหา เงินเฟียตที่มีคนรู้ทันมาก..ก็อาจพังได้ชั่วข้ามคืนเหมือนกันนะ
Is cryptocurrency the future of money?
แล้วเงินคริปโตจะมาเป็น money ในอนาคตได้หรือเปล่า?
คริปโตกำลังออกมาเป็น curreny เวอร์ชั่นรุ่นล่าสุดที่กำลังทดสอบหยั่งกำลังข้อของตน ..ว่าผู้คนจะคิดยังไงกัน ถ้าจะมีการออกมาใช้กันเป็น currency แบบดิจิตอลที่ไม่อิงกับอะไรที่มีค่า โดยไม่มีธนาคารกลางหรือรัฐบาลเข้ามาคุม ....OK มั้ย?
ความผันผวนในตลาดเงินคริปโต แสดงให้เห็นว่า พอไม่มี commodity หรือศรัทธามาให้อิงค่า ...การจะเป็น currency ให้เป็นที่ยอมรับว่าเป็น money ..ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่แนวคิดของ currency แบบนี้ก็ท้าทายระบบการเงินดีนะ ..ว่า currency น่ะ ไม่ต้องควบคุม พอจะได้มั้ย?
Currency vs money: conclusion
ข้อแตกต่างของ currency และ money ที่เห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ :
currency เป็น liability (ภาระหนี้) หมายความว่ามันยังต้องขึ้นอยู่กับคำมั่นสัญญาจากรัฐบาล ว่ารัฐบาลยังต้องใช้คืนผู้ถือ currency ....เพราะมันเป็นแค่ใบ IOU ของ money
ส่วน money เป็น asset (ทรัพย์สิน) หมายความว่ามันคือ store of value ตัวจริง ไม่ต้องรอคำสัญญาอะไรจากใคร .....มันใช้เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนทรัพย์สินอื่นได้โดยไม่ต้องขึ้นอยู่กับสถานะเศรษฐกิจใด ๆ
IMCT News
อ้างอิง :https://www.facebook.com/profile.php?id=100063620406722