ขอบคุณภาพจาก ซินหัว
1/11/2024
BYD ค่ายรถไฟฟ้ายักษ์ใหญ่จากจีน รายงานผลประกอบการไตรมาสสาม มีทั้งดีและไม่ดีผสมกันไป แต่ถือว่า เป็นครั้งแรกที่รายได้ของ BYD แซงหน้าเทสล่า แต่เทสล่าสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นในไตรมาสสามนี้ ซึ่งแม้จะไม่ได้มาจากยอดขายรถที่เพิ่มขึ้น แต่ความสำเร็จในครั้งนี้ มาจากการลดต้นทุนในการสร้างรถ จนเหลือแค่คันละ 35,100 ดอลลาร์ โดยเฉลี่ย หรือประมาณ 1.15 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นต้นทุนต่ำสุดที่เทสล่าเคยทำมา เป็นต้นทุนที่ลดลง 2,400 ดอลลาร์ หรือประมาณ 80,000 บาท ลดลง 6% จากปีก่อนหน้า
เทสล่าต้องเข้าสู่สงครามราคา เพื่อตอบโต้กับการแข่งขันที่ดุเดือดในสมรภูมิรถไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากค่ายรถในจีน เดิมที นักลงทุนเคยเทขายหุ้นเทสล่าไปจนหมด เพราะผิดหวังที่ทางบริษัทไม่ได้แจงรายละเอียดแผนการผุดรถแท็กซี่แบบไร้คนขับ หรือ robotaxi แต่หุ้นกลับมาพุ่งขึ้นอีกก่อนหน้านี้ หลังเทสล่าระบุว่า ลดต้นทุนการผลิตรถสำเร็จแล้ว
รายได้ที่เพิ่มขึ้นของเทสล่าไม่ได้มาจากการขายรถ แต่มาจากการขายเครดิตด้านกฎระเบียบ ซึ่งทางเทสล่าเสนอขายเครดิตตรงส่วนนี้ให้ค่ายรถรายอื่น ที่ยังคงเน้นการขายรถแบบใช้น้ำมันเบนซิน จึงไม่ตอบสนองต่อกฎระเบียบด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ค่ายรถเหล่านี้ จึงหันไปซื้อเครดิตด้านกฎระเบียบจากเทสล่าแทน เพื่อให้บริษัทของตนดำเนินไปอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบ ที่ต้องการให้ขายรถปล่อยไอเสียต่ำ หรือ ไม่ปล่อยไอเสียเลย แทรกเข้ามาบ้าง
เทสล่ายังมีรายได้มาจากการขายเซลล์แสงอาทิตย์ แบตเตอรี่ และผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานอื่นๆ พุ่งขึ้นเกือบเท่าตัว หรือ 93% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเทสล่ามุ่งหวังจะสร้างรถรุ่นใหม่ให้ราคาเป็นที่พอซื้อหากันได้มากขึ้น โดยมีแผนจะเปิดตัวในช่วงหกเดือนแรกของปีหน้า ( 2025 )
เทสล่ายังรายงาน รถ Cybertruck หรือรถกระบะขนาดใหญ่ที่ใช้ไฟฟ้าทั้งคัน สร้างผลกำไรให้บริษัทเป็นครั้งแรกอีกด้วย แม้ว่า จะสร้างปัญหาและถูกเรียกคืนไปแล้ว 27,000 คัน เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม เพราะปัญหาที่กล้องหลัง เป็นการเรียกคืนรอบที่ห้า นับจากเทสล่าผลิตรถรุ่นนี้เมื่อ 1 ปีมาแล้ว
ส่วนค่ายรถไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน คือ BYD มีรายได้พุ่งขึ้น 24% มาอยู่ที่ 28,200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 930,600 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย แต่ก็ถือว่าแซงหน้าเทสล่าไปอย่างมาก ซึ่งมีรายได้ในช่วงไตรมาสสามที่ 25,182 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 831,000 ล้านบาท
BYD เติบโตเร็วกว่า จนเกือบจะมีรายได้แซงหน้าเทสล่ามาแล้วในหลายไตรมาสเมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุด ในไตรมาสสามของปีนี้ ( 2024 ) BYD ก็มีรายได้แซงหน้าเทสล่าสำเร็จ
ยอดขายรถของ BYD แซงหน้าเทสล่า ตั้งแต่ช่วงไตรมาสสองของปี 2022 แล้ว และในช่วงไตรมาสสามของปี 2024 นี้ ยอดขายรถของ BYD ยังทำได้มากกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับเทสล่า โดย BYD ขายได้ 1.135 ล้านคัน ส่วนเทสล่าขายได้ 462,890 คัน
ทั้ง BYD และเทสล่า ต่างมีรายได้ส่วนใหญ่มาจากยอดขายรถไฟฟ้า แต่ทั้งสองบริษัทก็มีธุรกิจอย่างอื่นเช่นกัน เช่น ระบบกักเก็บพลังงาน BYD Electronics ยังรับทำส่วนประกอบของเครื่องโทรศัพท์ และรับประกอบสมาร์ทโฟนในบางจุด ซึ่งก็มีลูกค้าคือ iPhone ของแอปเปิ้ล
และในขณะที่เทสล่าทำแค่รถไฟฟ้าที่ใช้แบตเตอรี่ในการขับเคลื่อนแต่เพียงอย่างเดียว แต่ BYD ของจีน กลับทำทั้งรถไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ และรถปลั๊กอิน ไฮบริด เป็นรถไฟฟ้าแบบปลั๊กอินที่ใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาปภายใน คือใช้ได้ทั้งพลังงานไฟฟ้าและน้ำมัน
ยอดขายทั้งหมดของ BYD อาจพุ่งแตะ 4 ล้านคันในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 3.02 ล้านคันเมื่อปีก่อน เป็นผลมาจากการทุ่มงบไปกับการวิจัยและพัฒนา ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนที่เร็วกว่ายอดขายเสียอีก BYD มีสัดส่วนการลงทุนไปกับสินทรัพย์ถาวรของบริษัทที่ 20.3% ของรายได้ เมื่อปี 2023 แต่เทสล่ากลับมีตัวเลขตรงส่วนนี้แค่ 9.2% เมื่อปีก่อน ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็นเกือบ 14% ในไตรมาสสามปีนี้
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://www.investors.com/news/byd-earnings-ev-giant-overtake-tesla-sales/ https://edition.cnn.com/2024/10/23/business/tesla-earnings/index.html