EU ถูกกดดันทบทวนดีลแร่สำคัญจาก'รวันดา'

Thailand
EU ถูกกดดันทบทวนดีลแร่สำคัญจาก'รวันดา' หลังพบเชื่อมโยงกลุ่มกบฏ M23 ปล้นทรัพยากรคองโก
1-2-2025
Euronews รายงานว่า แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยว่า สหภาพยุโรป (EU) กำลังเผชิญแรงกดดันให้ระงับข้อตกลงด้านแร่ธาตุกับรวันดา หลังพบหลักฐานว่าอาจเชื่อมโยงกับความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) โดยเฉพาะการสนับสนุนกลุ่มกบฏ M23 ที่เพิ่งยึดครองพื้นที่สำคัญในเมืองโกมา จังหวัดคิวูเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งแร่ธาตุสำคัญของภูมิภาค
ข้อตกลงที่ลงนามเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2024 ระหว่างบรัสเซลส์กับรวันดา มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความมั่นคงในการจัดหาวัตถุดิบวิกฤตสำหรับการผลิตสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้า ภายใต้โครงการ Global Gateway มูลค่า 300,000 ล้านยูโรของอียู โดยจัดสรรเงินกว่า 900 ล้านยูโรให้รวันดาพัฒนาห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุและโครงสร้างพื้นฐาน อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าละเลยการค้าแร่ผิดกฎหมายที่ถูกปล้นโดยกลุ่มกบฏที่รวันดาสนับสนุน ตามที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุในรายงาน
รากเหง้าของความขัดแย้งย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาปี 1994 เมื่อกลุ่มหัวรุนแรงฮูตูสังหารชาวทุตซีราว 800,000 คน นำไปสู่การลี้ภัยของชาวฮูตูกว่าล้านคนเข้าสู่ดีอาร์ซี ปัจจุบันกลุ่ม M23 ซึ่งนำโดยชาวทุตซี อ้างว่าต้องการปกป้องสิทธิของชนกลุ่มน้อยทุตซีในดีอาร์ซีตะวันออก ขณะที่กองกำลังประชาธิปไตยเพื่อการปลดปล่อยรวันดา (FDLR) ซึ่งก่อตั้งโดยอดีตผู้นำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็ยังเคลื่อนไหวในภูมิภาค
ผู้เชี่ยวชาญของยูเอ็นระบุว่ามีหลักฐานชี้ชัดว่ากองกำลังรวันดามีการควบคุมที่แท้จริงเหนือปฏิบัติการของ M23 ทั้งด้านการฝึกอบรมและการส่งอาวุธ แม้ประธานาธิบดีพอล คากาเม จะปฏิเสธการเกี่ยวข้องมาโดยตลอด แต่ฌอง-ปิแอร์ ลาครัวซ์ หัวหน้ากองกำลังรักษาสันติภาพของยูเอ็นยืนยันว่า "ไม่มีข้อสงสัยว่ามีทหารรวันดาในโกมาสนับสนุน M23"
รายงานของยูเอ็นเมื่อเดือนมิถุนายน 2024 ระบุว่า M23 จัดตั้ง "หน่วยงานคู่ขนาน" ควบคุมกิจกรรมเหมืองแร่และการค้าในดีอาร์ซีตะวันออก ส่งออกแร่โคลแทนไปรวันดาอย่างน้อย 150 ตัน สร้างรายได้ราว 300,000 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 288,000 ยูโร) ต่อเดือน ขณะที่รวันดาเพิ่มมูลค่าการส่งออกแร่จาก 772 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 เป็น 1.1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2023
กิโยม เดอ บรีเยร์ จากสถาบันบริการข้อมูลสันติภาพนานาชาติ (IPIS) ในเมืองแอนต์เวิร์ป ระบุว่าเมื่อพิจารณาองค์ประกอบทางธรณีวิทยาของรวันดาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถขุดแร่ได้ในปริมาณที่ส่งออก สอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ล่าสุดรัฐบาลดีอาร์ซียื่นฟ้องคดีอาญาต่อบริษัทลูกของแอปเปิลในฝรั่งเศสและเบลเยียม โดยสำนักงานกฎหมายที่เป็นตัวแทนระบุว่าโรงกลั่นอย่างน้อย 9 แห่งที่จัดหาแทนทาลัมให้แอปเปิลใช้แร่จากรวันดา ทั้งที่รวันดาแทบไม่มีการผลิตแร่ชนิดนี้เลย
เบอร์นาร์ด ควินติน รัฐมนตรีต่างประเทศเบลเยียม อดีตเจ้าอาณานิคมในดีอาร์ซี เรียกร้องให้อียูใช้กลไกที่มีอยู่จัดการกับสถานการณ์ ขณะที่ฮิลเดอ วอตแมนส์ ประธานคณะผู้แทนแอฟริกาของรัฐสภายุโรป กดดันให้ระงับข้อตกลงจนกว่ารวันดาจะพิสูจน์ได้ว่าหยุดแทรกแซง อย่างไรก็ตาม โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรปยืนยันว่าข้อตกลงมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความโปร่งใสและต่อต้านการค้าแร่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ อียูยังสนับสนุนกองกำลังรวันดาที่ปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มกบฏอิสลามในจังหวัดกาโบเดลกาโดของโมซัมบิก โดยจัดสรรเงินเพิ่ม 20 ล้านยูโรผ่านกองทุนสันติภาพยุโรป (EPF) เมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา การจะยกเลิกเงินสนับสนุนดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบเป็นเอกฉันท์จากประเทศสมาชิกอียูทั้งหมด
---
IMCT NEWS
© Copyright 2020, All Rights Reserved