.

ปูตินเตรียมพบนายกฯ เมียนมา เพิ่มช่องทางการค้า-การลงทุนผ่านอาเซียน เชื่อมระบบการเงินใหม่
4-3-2025
สองชาติภายใต้การคว่ำบาตรร่วมมือทางการค้า: ปูตินเตรียมพบมิน ออง หล่าย พลิกวิกฤตเป็นโอกาส-การค้ารัสเซีย-เมียนมาพุ่ง 18 เท่าในสี่ปี เชื่อมสัมพันธ์กับอาเซียน-BRICS ผ่านความร่วมมือพลังงานและการคมนาคม
ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เตรียมพบกับนายกรัฐมนตรีมิน ออง หล่าย แห่งเมียนมา ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนรัสเซียอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 4 มีนาคม 2568 นี้ ท่ามกลางความพยายามของรัสเซียในการปรับทิศทางการค้าจากตะวันตกมาสู่ตลาดเอเชีย
การพบกันครั้งนี้เกิดขึ้นในบริบทที่ทั้งสองประเทศต่างเผชิญกับการคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก ทำให้รัสเซียต้องขยายความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้มากขึ้น โดยเฉพาะกับเมียนมา ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับบริษัทรัสเซียที่ต้องการเข้าไปทดแทนช่องว่างที่เกิดจากการถอนตัวของบริษัทตะวันตกรายใหญ่
การขยายความสัมพันธ์ดังกล่าวสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศของรัสเซีย ที่มีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเติบโตของความสัมพันธ์ทางการค้ากับเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเมียนมาเป็นสมาชิกสำคัญของอาเซียนและมีท่าเรือที่สามารถเข้าถึงจีน อินเดีย และประเทศอาเซียนอื่นๆ ได้โดยตรงผ่านอ่าวเบงกอลและทะเลอันดามัน นอกจากนี้ เมียนมายังได้สมัครเข้าร่วมกลุ่ม BRICS ในฐานะผู้สังเกตการณ์ และมีการอนุมัติให้สร้างโบสถ์ออร์โธดอกซ์รัสเซียในกรุงย่างกุ้ง ซึ่งถือเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมครั้งสำคัญ
เมียนมาเป็นประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แผ่นดินใหญ่ โดยมีพื้นที่ 676,579 ตารางกิโลเมตร และประชากรประมาณ 55 ล้านคน แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางการเมืองและความขัดแย้งภายในประเทศ เมียนมามีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตามความเสมอภาคของอำนาจซื้อ (PPP) ประมาณ 284,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น GDP ต่อหัวประมาณ 5,200 ดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 ที่ประมาณร้อยละ 1
ความคืบหน้าในการค้าทวิภาคีระหว่างรัสเซียและเมียนมามีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด จากมูลค่า 15.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563-2564 เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 288 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 แม้จะมีความผันผวนในแต่ละปี โดยกระทรวงพาณิชย์เมียนมาคาดการณ์ว่าการค้าระหว่างสองประเทศมีศักยภาพที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอนาคตอันใกล้
สินค้าส่งออกหลักของรัสเซียไปยังเมียนมาประกอบด้วยถ่านหินแข็ง ปุ๋ยประเภทต่างๆ น้ำมันดอกทานตะวันกลั่น และผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปอื่นๆ ในขณะที่สินค้านำเข้าหลักจากเมียนมา ได้แก่ เสื้อผ้าสำหรับผู้ชายและผู้หญิง และรองเท้า
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือด้านพลังงาน โดยเมียนมาสนใจนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และแหล่งพลังงานอื่นๆ จากรัสเซีย และสนับสนุนให้บริษัทน้ำมันและก๊าซของรัสเซียขยายการลงทุนในเมียนมา ซึ่งมีแหล่งสำรองน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ แร่ธาตุ และทรัพยากรป่าไม้ที่ยังไม่ได้สำรวจจำนวนมาก ภาคส่วนนี้ดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุน GDP และการเติบโตของการส่งออกของประเทศ
ความร่วมมือระหว่างสองประเทศยังขยายไปสู่ด้านอื่นๆ ด้วย ในเดือนมิถุนายน 2566 มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (EEC) ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) และเมียนมา โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความร่วมมือในด้านการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค กฎระเบียบศุลกากร พลังงาน และการขนส่ง
ในเดือนกันยายน 2566 การเดินทางทางอากาศโดยตรงระหว่างรัสเซียและเมียนมากลับมาดำเนินการอีกครั้งหลังจากห่างหายไป 30 ปี และทั้งสองประเทศยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการพัฒนาการท่องเที่ยวในเดือนเดียวกัน เมียนมายังประกาศแผนการเข้าร่วมระบบการโอนเงินทางการเงินของรัสเซีย (SPFS) ซึ่งเป็นทางเลือกแทน SWIFT และมีข้อเสนอให้ใช้เงินหยวนของจีนและรูเบิลของรัสเซียในการชำระเงินระหว่างสองประเทศ
แม้ว่าการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจะส่งผลกระทบต่อทั้งสองประเทศ แต่แนวโน้มการค้าทวิภาคีโดยรวมยังคงเป็นไปในเชิงบวก ในการพบปะกันครั้งนี้ ประธานาธิบดีปูตินและนายกรัฐมนตรีมินจะหารือเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันต่อไป รวมถึงประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ โดยภายหลังการเจรจา มีแผนที่จะออกแถลงการณ์ร่วมและลงนามในเอกสารความร่วมมือระหว่างรัฐบาลและระหว่างกระทรวงหลายฉบับ
---
IMCT NEWS
ที่มา https://russiaspivottoasia.com/putin-set-to-meet-with-myanmar-prime-minister-trade-analysis/