24/6/2024
ในวันที่ 24 มิถุนายน รัสเซียถูกโจมตีในสองเหตุการณ์ร้ายที่ไครเมีย และที่ดาเกสถาน ซึ่งดูเหมือนว่าไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ความจริงแล้วมีการเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง
ในเหตุการณ์แรก รัสเซียกล่าวหาสหรัฐอยู่เบื้องหลังจากใช้ขีปนาวุธATACMS (Army Tactical Missile System) โจมตีเมืองเซวาสโทพอล ซึ่งเป็นเมืองท่าของไครเมีย และเป็นฐานทัพเรือที่สำคัญของรัสเซีย มีผลทำให้ประชาชนเสียชีวิตไป5ราย และบาดเจ็บ124คน โดยมีเด็กรวมอยู่ด้วย ลำพังทหารยูเครนไม่น่าที่จะมีความชำนาญหรือศักยภาพเพียงพอในการใช้อาวุธที่ค่อนข้างทันสมัยนี้ เนื่องจากต้องมีการป้อนข้อมูลของเป้าหมายผ่านระบบจีพีเอส ซึ่งต้องมีการใช้ดาวเทียมเข้ามาเกี่ยวข้อง
มีรายงานว่า โดรนGlobal Hawkของกองทัพสหรัฐมีการบินลาดตระเวนในทะเลดำ และมีส่วนช่วยในการนำทางขีปนาวุธATACMSที่ยิงจากยูเครนทั้งหมด4ไปยังเป้าหมายในเมืองเซวาสโทพอล ปรากฎว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียสามารถสกัดได้ 4ลูก แต่ลูกสุดท้ายระเบิดไปตกที่ชายหาดริมทะเลทำให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าขีปนาวุธATACMSติดระเบิดลูกปราย หรือcluster bombsในหัวจรวด ทำให้เวลาระเบิดแล้วกระจายเป็นวงกว้าง
ในปี 2008 ที่เวทีประชุม Convention on Cluster Munitions ได้สั่งแบนการใช้ระเบิดลูกปราย เพราะว่ามันเป็นอันตรายต่อชีวิตพลเรือนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสงคราม และซากระเบิดที่เหลือยังเป็นอันตรายนานหลังจากเกิดการระเบิดไปแล้ว
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า วอชิงตันต้องรับผิดชอบต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธใส่พลเรือนของเซวาสโทพอลในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญของสหรัฐฯ ป้อนข้อมูลเป้าหมายสำหรับขีปนาวุธ ATACMS ที่สหรัฐจัดหามาให้ยูเครนทั้งหมด
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีของสหรัฐเปิดทางให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธของสหรัฐในการโจมตีเป้าหมายลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ยูเครนได้ใช้อาวุธของสหรัฐโจมตีในดินแดนรัสเซียแล้วจากสมรภูมิสงครามที่เมืองคาร์คีฟทางตะวันออกของยูเครน การใช้ขีปนาวุธของสหรัฐยิงเข้าไปในเป้าหมายในไครเมียจึงเป็นการขยายวงของสงคราม และทำให้สหรัฐเข้ามาเกี่ยวข้องกับสงครามยูเครนโดยตรงมากขึ้น ทั้งๆที่ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียได้เตือนหลายครั้งแล้วว่า ประเทศใดที่มอบอาวุธให้ยูเครนโจมตีรัสเซีย ประเทศนั้นจะเป็นเป้าที่ชอบธรรมสำหรับการตอบโต้ที่สมน้ำสมเนื้อจากรัสเซีย
เหตุการณ์ที่สองที่เกิดในวันเดียวกัน หลังเกิดเหตุไครเมียถูกถล่มไม่กี่ชั่วโมงคือการก่อการร้ายที่ดาเกสถาน ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งในรัสเซียที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม มีการโจมตีทั้งโบสถ์คริสต์และยิวในสองเมืองของดาเกสถาน มีรายงานว่ามีตำรวจอย่างน้อย 15 คน และนักบวชอีกหนึ่งคน ถูกกลุ่มมือปืนสังหาร ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเป็นการรวมกลุ่มกันโจมตีในหลายสถานที่ที่สำคัญทางศาสนา
เจ้าหน้าที่รายงานว่า มีกลุ่มติดอาวุธอย่างน้อย 6 คน ถูกสังหาร หลังเกิดเหตุโจมตีโบสถ์คริสต์ โบสถ์ยิว หลายแห่งและสถานีตำรวจ ในเดอร์เบนท์และมาฮัชคาลา ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐดาเกสถาน ในประเทศรัสเซีย ทั้งเดอร์เบนท์และมาฮัชคาลา อยู่ห่างกัน 120 กิโลเมตร
ที่น่าสังเกตคือ การโจมตีรัสเซียที่ไครเมีย และดาเกสถานเกิดขึ้นในวัน Holy Trinity Day ซึ่งเป็นวันสำคัญทางศาสนา และสามารถมองได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณต้องการท้าทายรัสเซียทั้งส่วนที่เป็นอาณาจักรและศาสนจักร เพื่อที่จะยั่วยุให้ปูตินออกหมัดแรงตอบโต้ก่อน สหรัฐและนาโต้จะได้มีข้ออ้างในการรวมพลังเพื่อทำสงครามต่อต้านรัสเซียที่จะถูกสื่อตะวันตกกระพือข่าวว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของยุโรป และของโลก ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว สหรัฐและนาโต้ต้องการก่อสงครามใหญ่เพื่อสร้างเหตุในการล้างหนี้ และนำพาโลกไปสู่เป้าหมายรัฐบาลโลก
รัสเซียกำลังปรับเปลี่ยนหลักนิยมทางทหารในการใช้อาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องการดำรงอยู่ของรัฐรัสเซีย และทุกอย่างที่เป็นรัสเซียน โดยรัสเซียสามารถยิงนิวเคลียร์ใส่ศัตรูเพื่อป้องกันตัวเองก่อนได้ ปูตินบอกว่าเมื่อพูดถึงแสนยานุภาพด้านอาวุธนิวเคลียร์แล้ว ไม่มีชาติใดในโลกสามารถเทียบเคียงได้ ปูตินเป็นคนพูดจริงทำจริง ถ้าหากตะวันตกยังคงเดินหน้ายั่วยุให้สงครามยูเครนขยายวง และก่อเหตุการณ์ร้ายภายในดินแดนรัสเซีย ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือการอยู่รอดของรัสเซีย ปูตินจะใช้อาวุธนิวเคลียร์
แต่ในเวลานี้ ทั้งผู้นำและสื่อตะวันตกต่างก็เชียร์ให้เกิดสงคราม ไม่มีใครพูดถึงแผนสันติภาพ หรือมีความเกรงกลัวจากสงครามนิวเคลียร์ ได้คืบจะเอาศอก และไม่คิดว่าปูตินจะกล้าใช้อาวุธนิวเคลียร์ ไบเดนกำลังนำพาสหรัฐ และนาโต้เข้าสู่ความเสี่ยงที่จะถูกรัสเซียตอบโต้ด้วยขีปนาวุธนิวเคลียร์ โดยนับวันมีแต่จะถลำตัวลึกลงไปในการเผชิญหน้ากับรัสเซียโดยตรง เพื่อที่จะตัดสินว่าใครจะเป็นผู้นำโลกในศตวรรษที่ 21
By Thanong Khanthong, Editor
IMCT News