ขอบคุณภาพจาก Sputnik International
13/7/2024
นายกรัฐมนตรีฮังการี วิกเตอร์ ออร์บาน เดินทางไปรัสเซียเพื่อพบกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยออร์บานประกาศว่า การเดินทางดังกล่าวเป็น "ภารกิจสันติภาพ" ซึ่งนำเขาไปที่เคียฟก่อน จากนั้นจึงไปที่จีน กลับไม่ได้รับความนิยมจากชนชั้นนำตะวันตก ซ้ำยังทำให้นายกรัฐมนตรีออร์บานถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความพยายาม "ทางการทูตอิสระ" ของเขา หลังจากบูดาเปสต์เข้ารับตำแหน่งประธานสภายุโรปแบบหมุนเวียน
ชนชั้นนำนาโตที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในความขัดแย้งโดยมียูเครนเป็นตัวแทน อ้างว่าออร์บาน "ไม่ได้เป็นตัวแทนของพวกเขา" ในการเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซีย เช่นที่แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนยันอย่างรวดเร็วว่า รัสเซียจะ "ถูกแบ่งแยกต่อไป"
ขณะที่เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโตปฏิเสธว่า การเดินทางของออร์บาน "ไม่ได้เปลี่ยนแปลงการตัดสินใจร่วม" ที่พันธมิตรได้ทำ "เพื่อเพิ่มการสนับสนุนยูเครน" ส่วนโฮเซป บอร์เรลล์ นักการทูตระดับสูงของสหภาพยุโรป กล่าวว่าผู้นำฮังการีเดินทาง “เฉพาะในกรอบความสัมพันธ์ทวิภาคี”
วลีเดียวกันนี้ถูกระบุผ่านบริการกิจการต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EEAS) ซึ่งเป็นบริการการทูตของสหภาพยุโรป ว่าออร์บาน “ไม่ได้รับคำสั่งจากสภายุโรปให้ไปเยือนมอสโก” และด้วยเหตุนี้ “จึงไม่ได้เป็นตัวแทนของสหภาพยุโรปในรูปแบบใดๆ” แถลงการณ์อย่างเป็นทางการระบุ
สำหรับนายกรัฐมนตรีฮังการี วิกเตอร์ ออร์บาน เดินทางเยือนรัสเซียเพื่อหารือกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมที่ผ่านมา ออร์บานระบุว่าการเยือนครั้งนี้เป็นการสานต่อ “ภารกิจสันติภาพ” ที่เขาเริ่มด้วยการเยือนเคียฟเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม หลังจากที่ออร์บานประกาศว่าเขาตั้งใจจะจัดการประชุม “ที่ไม่คาดคิด” ในลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายครั้งในเร็วๆ นี้ โดยเขาได้พบกับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนในกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมา
“การไปมอสโกถือเป็นความผิดพลาดทางการเมือง… ในรอบ 10 ปี ฉันไม่เคยเห็นปฏิกิริยาที่รุนแรงเช่นนี้จากประเทศอื่นๆ อีก 26 ประเทศต่อการกระทำของ [ประเทศเดียว] . . . นี่มันปัญหาชัดๆ” ชาร์ล มิเชล ประธานสภายุโรป กล่าวกับไฟแนนเชียลไทมส์
ขณะที่ประธานาธิบดีกิตานาส นาเซดา แห่งลิทัวเนีย และนายกรัฐมนตรีคาจา คัลลาส แห่งเอสโตเนีย กล่าวหาออร์บานว่า “บ่อนทำลาย” และ “แสวงประโยชน์” จากตำแหน่งประธานสหภาพยุโรป
ด้านสื่อตะวันตกต่างก็รายงานข่าวในลักษณะเดียวกัน เช่น วอชิงตันโพสต์อธิบายว่าการเดินทางของออร์บานเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญกับนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป”
ขณะเดียวกัน ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวภายในฝ่ายกฎหมายของกลุ่มสหภาพยุโรปว่าภารกิจทางการทูตของออร์บาน “ละเมิดสนธิสัญญาของสหภาพยุโรป” ส่วนรอยเตอร์อ้างนักการทูตคนหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อ ว่าการที่กลุ่มสหภาพยุโรปไม่เชื่อมั่นในตำแหน่งประธานสหภาพยุโรปของฮังการีนั้น “เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย”
รายงานจำนวนมากได้คาดเดาว่าวิกเตอร์ ออร์บานอาจเผชิญกับปฏิกิริยาตอบโต้จากเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปอย่างไร มีรายงานว่าบางกลุ่มเสนอแนะให้คว่ำบาตรการประชุมรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการตามธรรมเนียมปฏิบัติระหว่างที่ฮังการีดำรงตำแหน่งประธาน นอกจากนี้ ยังมีการหารืออย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับวิธีการใช้สนธิสัญญากับสหภาพยุโรปเพื่อ "จำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหว" ของออร์บานในระหว่างดำรงตำแหน่งประธานอียูแบบหมุนเวียน รวมถึงการปลดฮังการีออกจากตำแหน่งประธานแบบหมุนเวียนนั้นยังเป็นเรื่องที่เสนอกันเป็นการส่วนตัวอีกด้วย
การยกเลิกการตัดสินใจเป็นเอกฉันท์ในสหภาพยุโรปเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เสนอโดยเอลินา วัลโทเนน รัฐมนตรีต่างประเทศของฟินแลนด์ อย่างไรก็ตาม ชาร์ล มิเชล ดูเหมือนจะระมัดระวังมากขึ้น โดยบอกกับไฟแนนเชียลไทมส์ว่า "เราไม่อยากลงโทษตัวเองโดยเป็นผลทางอ้อมจากการพยายามลงโทษใคร"
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ก็ไม่ได้ส่งข้อความใด ๆ ถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ หรือประเทศสมาชิกนาโตผ่านวิกเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี ส่วนดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลิน กล่าวเมื่อวันจันทร์ (8 ก.ค.) ว่า ปูตินเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันในความพยายามทางการเมืองและการทูตเพื่อหาทางแก้ไขวิกฤตยูเครน
IMCT News