12/5/2024

นักวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ปยกระดับอินเดียให้ "ลงทุนเพิ่ม" จาก "เป็นกลาง" ในการจัดสรรการลงทุนในตลาดเกิดใหม่เมื่อวันศุกร์ โดยอ้างถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งและโมเมนตัมการเติบโตทางเศรษฐกิจ

โบรกเกอร์รายนี้คาดว่าดัชนีบลูชิป NSE Nifty 50 ของอินเดียจะเพิ่มขึ้น 7% ระหว่างตอนนี้จนถึงสิ้นปีการเงินปัจจุบันซึ่งสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2025 โดยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 23,900

Nifty 50 ปิดที่ 22,055.20 ในวันศุกร์ จนถึงขณะนี้ โดยมีการเคลื่อนไหวต่ำกว่าดัชนีตลาดเกิดใหม่ของ MSCI ในปี 2024

มุมมองของ Citi ได้รับการสนับสนุนจากความคาดหวังว่าเศรษฐกิจของอินเดียซึ่งเติบโตเร็วที่สุดในบรรดาประเทศอื่นๆ ที่สำคัญ จะยังคงแข็งแกร่ง โดยเติบโตที่ 6.8% ในปีงบประมาณปัจจุบัน

Surendra Goyal กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัยของอินเดียที่ Citigroup กล่าวในบันทึกเมื่อวันศุกร์ว่า การประมาณการบ่งบอกถึงรายได้ CAGR ของตลาดหุ้นอินเดียที่ 13% ระหว่างปีงบประมาณ 2024 ถึง 2026 โดยมีวิถีที่มั่นคงในวงกว้าง ขณะเดียวกันก็ถือว่าอินเดียอัพเกรดเป็น การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังถือว่าสัดส่วนราคาหุ้นต่อกำไร (P/E) ล่วงหน้าหนึ่งปีของอินเดียอยู่ที่ 20 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวเล็กน้อย เนื่องมาจากเส้นทางกำไรที่มั่นคง

นายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ยังคง "เพิ่มการลงทุน" ในธนาคาร บริษัทประกันภัย วิสาหกิจภาครัฐ รถยนต์ และบริษัทสินค้าทุน และอื่นๆ ของอินเดีย โดยแนะนำให้ "ลดการลงทุน" ในบริษัทเทคโนโลยีสารสนเทศ โลหะ สินค้าคงทนและเครื่องอุปโภคบริโภครวมถึงบริษัทสี

Citi ปรับลดอันดับจีนเป็น "เป็นกลาง" จาก "ลงทุนเพิ่ม" โดยกล่าวว่าการทำแรลลี่ในตลาดหุ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้เกิดขึ้นแม้ว่าปัจจัยพื้นฐานจะอ่อนตัวลงก็ตาม

พอร์ตโฟลิโอการลงทุนต่างประเทศได้ขายหุ้นอินเดียตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 191 พันล้านรูปี (2.29 พันล้านดอลลาร์)

อย่างไรก็ตาม ตลาดของจีนได้รับประโยชน์จากส่วนแบ่งการไหลเข้าจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากการประเมินมูลค่าที่ค่อนข้างถูกกว่าของอินเดีย

การปรับลดอันดับของจีนของ Citi นั้นตรงกันข้ามกับการแนะนำของนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ระดับโลก Jefferies ซึ่งเพิ่มน้ำหนักของจีนในพอร์ตโฟลิโอผลตอบแทนสัมพันธ์ในเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่น

Citi ย้ำอันดับ "เพิ่มการลงทุน" ในไต้หวันและเกาหลี โดยคงคำแนะนำ "ลดการลงทุน" ในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา

IMCT News

ที่มา CNBC