ขอบคุณภาพจาก IRNA
3/4/2024
กระทรวงต่างประเทศอิหร่านออกแถลงการณ์ประณามอิสราเอลที่ก่อเหตุใช้ขีปนาวุธโจมตีอาคารสถานทูตอิหร่าน ในประเทศซีเรีย เมื่อช่วงเย็นวันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น ( 1 เมย. 2024 ) ส่งผลให้แผนกกงสุลได้รับความเสียหาย
แถลงการณ์ระบุว่า โชคร้าย ที่เหตุโจมตีสถานทูตครั้งนี้ ส่งผลให้มีที่ปรึกษากองทัพอิหร่านเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย เสียชีวิตไปหลายคน ซึ่งทุกคนล้วนได้รับความคุ้มกันทางการทูต เป็นความคุ้มกันทางกฎหมายประเภทหนึ่งที่มีให้แก่ผู้แทนการทูต เอกสิทธิ์นี้เป็นการรับประกันว่า ผู้แทนเหล่านั้นจะไม่อยู่ในการบังคับใช้กฎหมายและอำนาจศาลของประเทศผู้ให้ความคุ้มกัน ซึ่งในที่นี้ก็คือซีเรีย ถือเป็นการสังหารเพียงเพราะความเชื่อและศาสนาที่แตกต่างกัน
เหตุที่เกิดขึ้น นับเป็นการละเมิดต่อหลักการคุ้มกันทางการทูตอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นการละเมิดทั้งต่อตัวบุคคลและอาคารสถานที่ ซึ่งก็คือสถานทูตอิหร่านในกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย และชัดเจนว่า ฝ่าฝืนกฎระเบียบนานาประเทศ ทั้ง อนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธ์ทางการทูต ค.ศ. 1961 และอนุสัญญาป้องกันและลงโทษการก่อเหตุอาชญากรรมที่ต่อต้านหลักการคุ้มครองบุคคลระหว่างประเทศ ค.ศ. 1973 ซึ่งก็ครอบคลุมไปถึงตัวแทนคณะทูต อีกทั้งยังเป็นการละเมิดต่อกฎบัตรสหประชาชาติอีกด้วย ดังนั้น ทางการอิหร่านจึงคาดหวังว่า รัฐบาลอื่นๆ และองค์กรระหว่างประเทศจะร่วมกันแสดงความไม่พอใจและประณามอย่างรุนแรงต่อการรุกรานอันชั่วร้ายและละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ทางการอิหร่านยังคาดหวังว่า สหประชาชาติ โดยเฉพาะคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเลขาธิการสหประชาชาติจะมีมาตรการตอบโต้ที่จำเป็น เพื่อเผชิญหน้ากับการกระทำการนอกกฎหมายและฝ่าฝืนกฎระเบียบนานาชาติของอิสราเอล ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพของนานาประเทศ และยังคาดหวังให้สหประชาชาติประณามและร่วมแสดงความไม่พอใจต่อการก่อการร้ายเช่นนี้
การก่อการร้ายนี้ แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวัง การหมดหนทาง และความสับสนด้านกลยุทธ์ของอิสราเอล ซึ่งเป็นผลมาจากความล้มเหลวทางกองทัพ ทางการเมือง และศีลธรรมที่ทำกับฉนวนกาซ่า หลังเป็นอาชญากรสงครามมานานถึง 6 เดือน ซึ่งก็ไม่สามารถเอาชนะต่อความอดทนอดกลั้นและความยืดหยุ่นของชาติปาเลสไตน์ได้เลย
ชัดเจนว่า อิสราเอลล้มเหลวที่จะยุติความอาจหาญของกลุ่มต่อต้านในฉนวนกาซ่า จึงต้องหันไปใช้วิธีที่สิ้นหวังและไร้เกียรติ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองถูกนานาประเทศรุมโดดเดี่ยว
หลังก่อเหตุสังหารหมู่เด็ก ผู้หญิง และพลเรือนชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์ไปหลายหมื่นคน และยังล้มเหลวที่จะเอาชนะชาติปาเลสไตน์ รวมถึงกลุ่มต่อต้านต่างๆ อิสราเอลจึงพยายามใช้วิธีที่อันตรายและไม่ฉลาดในการขยายสงครามในภูมิภาคและขัดขวางสันติภาพ ทำให้ความปลอดภัยของภูมิภาคและนานาประเทศ ตกเป็นเหยื่อความชั่วร้ายและกระหายสงครามของพวกเขา อิสราเอลต้องรับผิดชอบในผลที่ตามมาจากการก่ออาชญากรรมโจมตีภารกิจทางการทูตของอิหร่านในซีเรีย
อิหร่านขอสงวนสิทธิ์ทางกฎหมายและสิทธิขั้นพื้นฐาน ตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ ที่จะตอบโต้พฤติกรรมก่อการร้ายเช่นนี้
บรรดาผู้นำของอิสราเอลต้องเข้าใจว่า การโจมตีแบบหยามเกียรติหลายต่อหลายครั้ง ไม่สามารถเทียบได้เลยกับความแน่วแน่ของผู้ถูกกดขี่แต่ทรงพลังอย่างชาติปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่า ที่ถูกโจมตีมาตลอด 6 เดือน อีกทั้งอิสราเอลยังบุกเข้าไปในมัสยิดอัลอักซอ ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ อิหร่านจะยึดมั่นในการสนับสนุนสิทธิทั้งทางธรรมชาติ และสิทธิ์ทางกฎหมายของชาติปาเลสไตน์ และจะไม่มีวันล่าถอยแม้แต่นิดเดียว
By IMCTNews
อ้างอิงจาก https://en.mfa.gov.ir/portal/newsview/742436