20/3/2024
มอร์แกน สแตนเลย์ ออกโรงเตือนครั้งใหญ่ ว่า ความพยายามถอยห่างจากเงินดอลลาร์ซึ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ อาจสร้างความเสี่ยงต่อตลาดหุ้นสหรัฐได้ ซึ่งถือเป็นคำเตือนที่ส่งผลดีต่อ BRICS
ลิซ่า ชาเลทท์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน หรือ CIO ของมอร์แกน สแตนเลย์ วาณิชธนกิจชื่อดัง ยอมรับว่า ขณะนี้ มีความพยายามที่จะทำให้บทบาทของเงินดอลลาร์อ่อนแอลงไป ในฐานะเป็นสกุลเงินสำคัญของการค้าขายโลก ความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐกำลังถูกกดดันเชิงโครงสร้าง ซึ่งอาจลามปามไปถึงตลาดหุ้นสหรัฐได้
CIO ของมอร์แกน สแตนเลย์ จึงเรียกร้องให้บรรดานักลงทุนพิจารณาเตรียมรับมือกรณีเกิดการเปลี่ยนแปลงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งยังยอมรับกรณีการพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาทองและบิทคอยน์เมื่อไม่นานมานี้ การสิ้นสุดมาตรการตรึงอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่น และความสัมพันธ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน ล้วนแต่ดันให้เงินดอลลาร์สหรัฐเจอขีดจำกัด และสร้างความท้าทายให้ตลาดหุ้นสหรัฐด้วยเช่นกัน
ชาเลทท์ ยังย้ำว่า ตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการเสริมสภาพคล่องโดยผู้กำหนดนโยบาย ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์สหรัฐมีความคล่องตัวอย่างมากในการใช้เป็นเครื่องมือกดเงินเฟ้อ ลดราคาพลังงาน ดันหนี้สินสหรัฐให้พอกพูนและดำเนินนโยบายขาดดุลงบประมาณได้อย่างไม่สะทกสะท้าน แต่ความคล่องตัวทั้งหลายเหล่านี้ กำลังจะหายไปในไม่ช้า
เธอยังย้ำให้จับตา ความสัมพันธ์ระหว่างความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ กับค่าพีอี ซึ่งเป็นวิธีการประเมินมูลค่าหุ้น เพราะถึงแม้สองสิ่งจะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันโดยตรง แต่ก็พอมองเห็นได้ว่า ตอนนี้ วงจรเงินดอลลาร์สหรัฐที่พุ่งแรงราวกระทิงนั้น อาจมาถึงจุดสูงสุดแล้ว
การพุ่งขึ้นของราคาทองคำและคริปโต เหมือนลมระลอกแรกที่เข้ามาซัดความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ ราคาทองคำพุ่งขึ้น 18% นับจากตุลาคม ปี 2023 ในขณะที่บิทคอยน์ ซึ่งถือเป็นเหรียญคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็มีราคาพุ่งขึ้นกว่า 50% ในปี 2024 ถือเป็นราคาสูงสุดตลอดกาล โดยพุ่งเหนือ 73,000 ดอลลาร์ ในเดือนนี้ ( มีนาคม )
ราคาทองคำและคริปโตที่พุ่งขึ้น มาพร้อมกับความวิตกในประเด็นเงินเฟ้อ จากการที่สินค้าโภคภัณฑ์มีราคาสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เช่น น้ำมันและทองแดง
ส่วนการที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะกระทิงเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี และธนาคารกลางญี่ปุ่นยกเลิกมาตรการตรึงอัตราดอกเบี้ย ก็ทำให้ CIO มอร์แกน สแตนลีย์ คาดว่า มีแนวโน้มที่นโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่นจะปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และพยายามทำให้เงินเยนแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีแนวโน้มดีขึ้น ยังอาจดึงเงินทุนให้ไหลออกจากตลาดหุ้นสหรัฐอีกด้วย
ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนที่บานปลายขยายวง ตั้งแต่ประเด็นเซมิคอนดักเตอร์ ไปจนถึง TikTok ก็อาจทำให้เกิดแนวโน้มถอยห่างจากเงินดอลลาร์หนักขึ้น
ราคาทองคำที่พุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ยังอาจเชื่อมโยงกับการที่จีนต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้กับเงินหยวน การหาเสียงในศึกเลือกตั้งชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐหนนี้ จึงมีแนวโน้มที่ผู้สมัครทั้งสองคน จะต้องวางตนให้เป็นผู้นำที่แข็งแกร่ง ทั้งประเด็นเกี่ยวกับจีน แรงกดดันต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ เงินเฟ้อ และประเด็นดอกเบี้ย
การเสื่อมค่าของเงินดอลลาร์ในวงกว้าง จะกระทบกับตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งเคยได้อานิสงค์จากผลประกอบการของบรรดาบริษัทต่างๆ ที่ช่วยดันให้ตลาดพุ่งขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
คำเตือนของผู้บริหารระดับสูงมอร์แกน สแตนเลย์ น่าจะทำให้กลุ่ม BRICS ลิงโลด เพราะการทำให้เงินดอลลาร์ใช้กันน้อยลง ถือเป็นหัวใจหลักของภารกิจกลุ่ม BRICS ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เคยมีเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐและตัวแทนธนาคารอื่นๆ แสดงความวิตกในเงินดอลลาร์สหรัฐเช่นกัน ถึงขั้นเรียก BRICS ว่า เป็นภัยคุกคามในอนาคตกันเลยทีเดียว
เงินดอลลาร์สหรัฐเสื่อมค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังครองความเป็นหนึ่งในฐานะสกุลเงินหลักของโลกมายาวนานหลายสิบปี ตอนนี้ หลายประเทศทั่วโลกต่างมองหาสกุลเงินทางเลือกแทนที่ดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงการใช้สกุลเงินท้องถิ่นของตัวเอง ซึ่ง BRICS ก็เดินหน้าขุดฝังดอลลาร์สหรัฐไปแล้วด้วยการเปิดซื้อขายระหว่างกันโดยใช้สกุลเงินท้องถิ่น และยังจะพัฒนาสกุลเงินของตนเอง อาจจะแจ้งรายละเอียดเรื่องนี้ ช่วงการประชุมสุดยอดผู้นำที่จะมีขึ้นในปีนี้ สหรัฐมีแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ก็อาจทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งเปิดฉากมาอย่างร้อนแรงในปี 2024 ต้องหยุดชะงักได้ และนี่คือโอกาสของกลุ่ม BRICS
By IMCTNews
https://watcher.guru/news/brics-morgan-stanley-issues-major-warning-about-us-dollar-and-stocks