ขอบคุณภาพจาก The Jakarta Post
28/9/2024
ภาคธุรกิจและผู้กำหนดนโยบายจากประเทศสมาชิกอาเซียนมารวมตัวกันที่นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อร่วมหารือเพิ่มความร่วมมือด้านพลังงาน โดยมุ่งเน้นไปที่โครงการริเริ่มที่สำคัญหลายประการ เช่น โครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) และแนวโน้มใหม่ๆ ด้านพลังงานหมุนเวียน ซึ่งการเจรจาดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมธุรกิจพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 24 (AEBF-24) โดยจัดขึ้นร่วมกับการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียนครั้งที่ 42 (AMEM)
ลาวรับหน้าที่ประธานอาเซียนในปีนี้ หลังรับตำแหน่งประธานแบบหมุนเวียนจากอินโดนีเซีย ซึ่งดำรงตำแหน่งดังกล่าวในปี 2023
นายสุกวิสัน คินสามน รองอธิบดีกรมวางแผนและความร่วมมือ กระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ลาว ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า “ภายใต้การเป็นประธานอาเซียนของลาว เราภาคภูมิใจที่ได้นำแนวคิด “อาเซียน: เสริมสร้างการเชื่อมโยงและความยืดหยุ่น” มาใช้ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันของเราในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน และการเปลี่ยนผ่านไปสู่แหล่งพลังงานสีเขียวและยั่งยืน”
AEBF-24 ยังมีการประชุมนานาชาติอาเซียนว่าด้วยพลังงานและสิ่งแวดล้อม (AICEE) ครั้งที่ 4 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการหารือกันเกี่ยวกับแนวทางที่สร้างสรรค์สำหรับความท้าทายด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมของภูมิภาค
นอกจากนี้ การประชุมดังกล่าวยังรวมถึงการหารือเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน (APAEC) ระยะที่ 2: 2021-2025 ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวระดับภูมิภาคที่ทำหน้าที่เป็นแนวทางสำหรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของอาเซียนที่ดำเนินการโดยศูนย์พลังงานอาเซียน (ACE) ซึ่งนับตั้งแต่เปิดตัวเฟส 1 ในปี 2016 ได้ครอบคลุม 7 โครงการ ได้แก่ โครงข่ายไฟฟ้าอาเซียน ท่อส่งก๊าซทรานส์อาเซียน เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด พลังงานหมุนเวียน และพลังงานนิวเคลียร์สำหรับพลเรือน
ในงานสัมมนา ACE ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MoU) กับบริษัทเทคโนโลยีจีน Huawei เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีโฟโตวอลตาอิคอัจฉริยะ (PV) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งความร่วมมือนี้เกี่ยวข้องกับการวิจัยร่วม การเสริมสร้างศักยภาพ และการแลกเปลี่ยนทางเทคนิคที่เน้นที่เทคโนโลยีดังกล่าว
ทั้งสององค์กรประกาศว่า จะมีการจัดเวิร์กช็อปเกี่ยวกับ PV อัจฉริยะและมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าในเดือนหน้า (ต.ค.2024) และจะมีการเผยแพร่เอกสารเผยแพร่ในเดือนพฤษภาคมปีหน้า (2025)
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่า อาเซียนจะเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญในการดำเนินโครงการร่วมกันที่มุ่งเน้นในการสร้างการเชื่อมโยงพลังงานและพลังงานในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียนและท่อส่งก๊าซทรานส์อาเซียน
ด้านฟาห์มี ราดี นักเศรษฐศาสตร์ด้านพลังงานจากมหาวิทยาลัย Gadjah Mada ระบุว่า ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคหลายแห่งเป็นผู้ผลิตพลังงาน ซึ่งอาจนำไปสู่การแข่งขัน และขัดขวางแผนการสร้างระบบที่เชื่อมโยงกันในภูมิภาค พร้อมเน้นย้ำถึงความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับบทบาทของแต่ละประเทศในโครงการ
“มันไม่เหมือนสถานการณ์ในยุโรป โดยเฉพาะก่อนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ท่อส่งก๊าซจากรัสเซียส่งก๊าซไปทั่วทั้งยุโรป ในความร่วมมือดังกล่าว ชัดเจนแล้วว่าก๊าซมาจากที่ใด และใครจะใช้” ราดีกล่าว พร้อมระบุถึงข้อตกลงทวิภาคี เช่น การตัดสินใจของอินโดนีเซียในการส่งออกพลังงานจากพลังงานหมุนเวียนไปยังสิงคโปร์ น่าจะสามารถปฏิบัติได้ มากกว่าการเป็นหุ้นส่วนกันในระดับภูมิภาคที่ใหญ่กว่า
“เพราะชัดเจนว่าอินโดนีเซียควรส่งออกอะไรไปยังสิงคโปร์และจะได้รับอะไรตอบแทนบ้าง มีประโยชน์ร่วมกัน แต่การสร้างโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียนจะเป็นเรื่องท้าทายหากไม่ระบุประโยชน์ร่วมกันอย่างชัดเจน”
ขณะที่อาบรา ทาลัตตอฟ หัวหน้าศูนย์อาหาร พลังงาน และการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสถาบันพัฒนาเศรษฐกิจและการเงิน (INDEF) เตือนว่าตลาดพลังงานเปิดในภูมิภาคอาจขัดขวางความพยายามในการเปลี่ยนผ่านของอินโดนีเซีย พร้อมโต้แย้งว่าหากมีการนำ ASEAN Power Grid มาใช้ ซึ่งอินโดนีเซียอาจต้องพึ่งพาประเทศอาเซียนอื่นๆ ในเรื่องพลังงานหมุนเวียน ซึ่งอาจส่งผลให้การลงทุนในพลังงานหมุนเวียนลดลง
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา (2024) นาเดีย ปรานินทิตา ผู้ช่วยวิจัยจากสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเพื่ออาเซียนและเอเชียตะวันออก (ERIA) ยังได้ชี้ให้เห็นว่าบทบาทของผู้เล่นข้ามภาคส่วนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในโครงการโครงข่ายไฟฟ้าอาเซียนยังไม่ได้รับการกำหนดอย่างชัดเจน จึงเรียกร้องให้กำหนดความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ตามที่ปรานินทิตากล่าว อาเซียนอาจเริ่มพิจารณาสร้างตลาดที่มีการแข่งขัน ซึ่งสมาชิกทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ พร้อมกล่าวว่าความน่าดึงดูดใจของตลาดพลังงานอยู่ที่แนวทางราคา แม้จะมีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน
“การให้ความสำคัญกับแนวทางการกำหนดราคาตามกลไกตลาดมากขึ้นไม่ได้หมายความว่าความยั่งยืนของโครงการโครงสร้างพื้นฐานพลังงานแบบบูรณาการจะไม่สำคัญ กลไกที่ชัดเจนในการคืนทุนและสร้างกำไรยังคงต้องได้รับความสนใจควบคู่ไปกับประสิทธิภาพ ความโปร่งใส และหลักการแบ่งปันต้นทุนที่ยุติธรรม”
IMCT News
ที่มา https://asianews.network/energy-security-transition-take-centre-stage-at-asean-energy-forum/