Thailand
28/4/2024
ในเรื่องพิธีการทางการทูต(protocol) หรือการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของจีนเป็นเรื่องใหญ่ที่จีนเน้นหรือให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ผู้มาเยือนระดับวีไอพีจะได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติจนตัวลอย แทบที่จะหาที่ติไม่ได้ ส่วนแขกระดับรองลงมาก็ได้รับการต้อนรับตามพิธีการที่ลดลั่นความสำคัญลดมา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแขกของรัฐบาลจีนไม่ว่าจะเป็นชั้นผู้ใหญ่หรือชั้นผู้น้อยทุกคนต่างรู้สึกประทับใจในการให้เกียรติ การใส่ใจดูแลลงรายละเอียดของเจ้าหน้าที่จีนตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาช้านาน
แต่การเยือนจีนอย่างเป็นทางการของนายแอนโทนี บลิงเคน รมว.ต่างประเทศของสหรัฐระหว่างวันที่ 24-26 เมษายนที่ผ่านมา กลับได้รับการต้อนรับอย่างเย็นชาที่สุดจากรัฐบาลจีน ซึ่งถือว่าผิดธรรมเนียมปฏิบัติอย่างมาก ตอนที่เครื่องบินของบลิงเคนลงแตะสนามบินปักกิ่งในช่วงเย็นวันพุธที่24เมษายน ปรากฎว่าจีนส่งเจ้าหน้าที่ระดับชั้นผู้น้อยไปคอยต้อนรับ ไม่เห็นเงาหัวของนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนแม้แต่คนเดียว
หลังจากเสร็จสิ้นภาระกิจการเจรจากับจีน บลิงเคนเดินทางกลับบ้าน จีนทำแสบไปกว่านั้นด้วยการไม่ส่งเจ้าหน้าที่จีนผู้ใดเลยเพื่อไปส่งบลิงเคน บรรยากาศที่สนามบินปักกิ่งโหรงเหรงมาก มีเพียงทูตสหรัฐประจำจีนคนเดียวเท่านั้นที่ไปส่งบลิงเคนถึงบันไดเครื่องบินประจำตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ
ภารกิจการเยือนจีนอย่างเป็นทางการของบลิงเคนล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ไม่ต่างจากการเยือนจีนของจาเน็ต เยลเลน รมว.กระทรวงการคลังก่อนหน้านี้ ที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงอะไรกับจีนได้เป็นเรื่องเป็นราว เนื่องจากทั้งบลิงเคน และเยลเลนเดินทางมาจีนด้วยข้อเรียกร้องแต่ฝ่ายเดียว และแอบแฝงด้วยคำขู่ว่าจะแซงชั่นจีนถ้าหากไม่ทำตามสิ่งที่สหรัฐต้องการ จีนเห็นหัวข้อการเจรจาที่ส่งมาให้เตรียมการก่อนว่าสหรัฐไม่มีความจริงใจ และมีความไม่ชอบมาพากลมากจึงให้การต้อนรับบลิงเคนแบบไม่แยแส ทำให้บลิงเคนเสียหน้ามากทางการทูต และต้องกลับบ้านมือเปล่า
เป้าหมายหลักของบลิงเคน คือการชี้แจงจุดยืนของสหรัฐฯ ต่อจีนและทุกประเทศที่ต้องการกำหนดนโยบายที่เป็นอิสระของตนต่อรัสเซีย รวมทั้งการพัฒนาเศรษฐกิจของเอเชีย และจะมีมาตรการตอบโต้ที่รุนแรง ถ้าหากสหรัฐไม่ได้สิ่งที่ตัวเองเรียกร้อง
Alexei Maslov ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียและแอฟริกาศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมอสโกให้สัมภาษณ์กับสื่อสปุตนิกของรัสเซียว่า โดยพื้นฐานแล้ว สหรัฐฯ ต้องการให้จีนหยุดความช่วยเหลือด้านเทคโนโลยีและการเงินแก่รัสเซีย เช่นเดียวกับลดการสนับสนุนของรัฐบาลต่อบริษัทจีนที่ดำเนินธุรกิจค้าขายในตลาดตะวันตก
Maslov ตั้งข้อสังเกตว่าข้อเรียกร้องของบลิงเคนถูกส่งไปในรูปแบบของการยื่นคำขาด โดยมาตรการที่เตรียมตอบโต้ของสหรัฐมีตั้งแต่การเก็บภาษีศุลกากรสำหรับการส่งออกเหล็กและอลูมิเนียมของจีนเพิ่มขึ้นอีกถึงสามเท่า เพิ่มข้อจำกัดกับธนาคารจีนในการทำธุรกรรมทางการเงิน ตลาดจนการตัดธนาคารจีนบางแห่งออกจากระบบ SWIFT เหมือนกับที่ได้ทำกับระบบธนาคารของรัสเซีย รวมทั้งการคว่ำบาตรต่อบริษัทจีนบางแห่งซึ่งจะถูกห้ามไม่ให้ส่งออกผลิตภัณฑ์ของตนไปยังสหรัฐอเมริกา
ก่อนหน้าการเดินทางเยือนจีนของบลิงเคน รัฐสภาสหรัฐได้ผ่านร่างกฎหมายบีบให้บริษัทไบท์แดนซ์ของจีนให้ขาย TikTok ให้กับบริษัทอเมริกันภายในเวลา 1 ปี มิเช่นนั้นแอป TikTok จะถูกแบนในตลาดสหรัฐที่มีผู้ติดตามมากถึง 170 ล้านคน ผู้บริหาร TikTok ออกมาส่งสัญญาญว่า จะไม่ขายกิจการ TikTok เพราะว่าไม่ต้องการให้ระบบอัลกอริทึ่มตกอยู่ในมือของบริษัทอเมริกัน
นอกจากนี้ ข้างหลังฉากมีการเคลื่อนไหวจากเพนตากอนในการดำเนินยุทธศาสตร์เพื่อปิดล้อมจีนทางทหารที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนการติดตั้งระบบขีปนาวุธทั่วทั้งภูมิภาคเพื่อเล็งเป้าไปที่จีน การสนับสนุนให้ไต้หวันแยกตัวเป็นรัฐอิสระ และแผนการสกัดไม่ให้เรือรบจีนสามารถเดินทางออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกได้ในยามสงคราม เหมือนกับว่าเพนตากอนกำลังเตรียมความพร้อมในการทำสงครามกับจีนอย่างเต็มอัตราศึก
อย่างไรก็ตาม จีนระบุอย่างแน่วแน่ว่าตนจะตัดสินใจเองว่าจะค้าขายกับใคร จะพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อปรับปรุงความเจริญของประเทศ รวมทั้งมาตรฐานชีวิตของชาวจีนตามแผนงานของจีนเองที่ไม่ถูกกำหนดจากภายนอก พร้อมกันนี้ ปักกิ่งได้เสนอให้วอชิงตันแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจา
บลิงเคนมีโอกาสสนทนากับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ณ อาคารมหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง โดยสีกล่าวว่าจีนยินดีที่ได้เห็นสหรัฐฯ มีความเชื่อมั่น การเปิดกว้าง และความเจริญรุ่งเรือง ขณะเดียวกันคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะมองการพัฒนาของจีนในเชิงบวกเช่นกัน
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เน้นย้ำว่าโลกกว้างใหญ่เพียงพอสำหรับการพัฒนาร่วมกันและความเจริญรุ่งเรืองของแต่ละฝ่าย และชี้ต่อไปว่านี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องคำนึงถึง เหมือนกับการติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้อง เพื่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ที่มีเสถียรภาพ พัฒนาดีขึ้น และก้าวไปข้างหน้าอย่างแท้จริง
จีนและสหรัฐฯ ควรเป็นหุ้นส่วนมากกว่าคู่แข่ง ช่วยเหลือกันมากกว่าทำร้ายอีกฝ่าย แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่างมากกว่าทำการแข่งขันอันมุ่งร้าย และทำตามคำพูดด้วยการกระทำมากกว่าพูดอย่างแต่ทำอีกอย่าง โดย สี จิ้นผิง เสนอ 3 หลักการ ซึ่งเป็นบทเรียนจากอดีตและแนวทางสู่อนาคต ได้แก่ การเคารพซึ่งกันและกัน การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์
Maslov ให้ความเห็นว่า “จีนใช้จุดยืนที่รุนแรงและหัวรุนแรงน้อยกว่ามาก โดยเสนอให้แก้ไขปัญหาต่างๆ ผ่านการเจรจาเหมือนเช่นที่พวกเขามักจะทำ โดยกล่าวว่าบนโลกนี้มีพื้นที่เพียงพอสำหรับสหรัฐฯ และสำหรับจีน และไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในเรื่องร้ายแรง ทะเลาะวิวาท จุดยืนของจีนนี้ขัดแย้งโดยตรงกับข้อเสนอของสหรัฐฯ แม้ว่าความสัมพันธ์ไม่ได้เสื่อมลง [ระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา] ยิ่งไปกว่านั้น ได้มีการพูดคุยถึงการขยายการค้า แต่ก็ไม่ได้เห็นสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างมีความหมายใด ๆ เช่นกัน”
สิ่งที่จีนยอมรับไม่ได้คือการที่สหรัฐต้องการให้จีนยกเลิกความสัมพันธ์กับรัสเซีย เพื่อที่จะโดดเดี่ยวรัสเซียในสงครามยูเครน เพราะว่าไม่รู้ว่าในอนาคตสหรัฐจะหันกลับมาเล่นงานจีนอย่างไรต่อไปหลังจากจัดการกับรัสเซียได้ เพราะว่าสหรัฐมีนโยบายไม่ต้องการให้มีมหาอำนาจอื่นใดขึ้นมาเทียบเคียงรัศมี
อีกเรื่องที่มีความสำคัญพอๆกัน คือข้อเรียกร้องของบลิงเคนในเรื่องนโยบายการค้า สหรัฐฯ ต้องการให้จีนยังคงเป็น "โรงงานโลก" และผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคสำหรับประเทศตะวันตกและสำหรับประเทศในกลุ่มอาเซียน ในขณะที่ขอบเขตเทคโนโลยีขั้นสูงจะต้องยังคงเป็นของสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกต่อไป
ที่ผ่านมาแม้สหรัฐจะพยายามกีดกันสกัดบริษัทจีนไม่ให้เข้าถึงเทคโนโลยีชิป แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะว่าบริษัทจีนสามารถผลิตชิปที่มีเทคโนโลยีระดับสูงได้ ทำให้โอกาสที่จีนจะพึ่งพาเทคโนโลยีด้านนี้ของจีนน้อยลง นอกจากนี้สินค้าของจีนยังมีราคาถูกกว่าสินค้าของตะวันตกถึง30%ทำให้สามารถครอบครองส่วนแบ่งการตลาดได้
เยลเลนถึงกับวิจารณ์อุตสาหกรรมรถยนต์อีวี แผงโซล่าร์เซลล์ของจีนอย่างรุนแรงว่ามีการสร้างมากจนล้นตลาดโลก ทำให้ผู้อื่นแข่งขันไม่ได้ แม้ว่าจะตั้งเงื่อนไขต่างๆเพื่อไม่ให้จีนเดินหน้าได้ แต่เยลเลนต้องงอนง้อให้จีนอย่าขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐออกไป รวมทั้งเรียกร้องให้จีนซื้อพันธบัตรสหรัฐล็อตใหม่ ที่กระทรวงการคลังสหรัฐเตรียมออกเพื่อรองรับการขาดดุลงบประมาณมหาศาลของรัฐบาลไบเดน และต้องจ่ายหนี้ดอกเบี้ยปีหนึ่งกว่า$1ล้านล้าน ซึ่งจีนตอบปฏิเสธไป เพราะว่าจีนเดินหน้าขายพันธบัตรสหรัฐออกไป แล้วเปลี่ยนเป็นถือครองทองคำแทน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา
สรุปแล้ว ทั้ง บลิงเคน และ เยลเลน ต่างล้มเหลวในการบีบบังคับจีนให้เดินตามนโยบายที่สหรัฐขีดเส้นให้เดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเลิกให้การสนับสนุนรัสเซีย การเลิกสนับสนุนเทคโนโลยีชิป เอไอ และอุตสาหกรรมต่างๆของรัฐบาลจีน และการยุติการออกจากระบบดอลลาร์ของจีนที่กำลังจับมือกับรัสเซีย และประเทศกำลังพัฒนาในการสร้างระเบียบเศรษฐกิจและการเงินโลกใหม่ผ่านความร่วมมือขอ งBRICS ทั้ง บลิงเคน และ เยลเลน ต่างก็ได้รับการต้อนรับอย่างเย็นชาจากจีน และความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนกำลังมาถึงจุดต่ำสุด รอวันที่จะระเบิดออกมา
By Thanong Khanthong, Editor
IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved