ขอบคุณภาพจาก RT
6/5/2024
ตอนนี้ ข้าวของสินค้า ค่าบริการต่างๆ ในญี่ปุ่น ตั้งแต่อาหารไปจนถึงการท่องเที่ยว ล้วนแต่ได้รับผลกระทบถ้วนหน้าจากการอ่อนค่าของเงินเยน
เงินเยนอ่อนค่ามาหลายปีแล้ว และอ่อนค่าหนักสุดนับจากปี 1990 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ก็เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้ว เพราะถูกแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ ยังคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงต่อไปตามความคาดหมาย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ตอนนี้ สินค้านำเข้าจากอเมริกามีราคาแพงขึ้นมากในญี่ปุ่น เช่น สตรอเบอรี่ ที่นำมาทำเป็น สตอเบอรี่ช็อทเค้ก อันแสนอร่อย ของหวานยอดนิยมในญี่ปุ่น บางร้านระบุว่า ผลไม้นำเข้าจากอเมริกา มีราคาแพงขึ้น 20% ในช่วงสองปีที่ผ่านมา และที่น่าเศร้าใจก็คือ ทางร้านไม่สามารถผลักภาระส่วนนี้ไปให้ผู้บริโภคได้ จำใจต้องทนขาย แม้จะได้กำไรน้อยลงก็ตาม
สินค้านำเข้าที่มีราคาแพงขึ้น ดันให้เงินเฟ้อในญี่ปุ่นพุ่งไปอยู่ที่ 3.1% เมื่อปีที่แล้ว ( 2023 ) เป็นตัวเลขเงินเฟ้อสูงสุดในรอบ 41 ปี จากการรายงานของนิกเคอิ
เงินเยนเคยเคลื่อนไหวอยู่ที่ประมาณ 100 เยน ต่อดอลลาร์สหรัฐมานานหลายปี แล้วก็เริ่มอ่อนค่าลงเมื่อต้นปี 2021 เป็นเพราะธนาคารกลางญี่ปุ่น ยังคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำแบบสุดๆ ในขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางอื่นๆ ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้กับเงินเฟ้อ
การขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐและประเทศอื่นๆ เท่ากับว่า นักลงทุนจะได้ผลกำไรจากดอกเบี้ยเมื่อเอาไปฝากที่ต่างแดน มากกว่าที่ญี่ปุ่น ก่อให้เกิดพฤติกรรมที่เรียกว่า “ Carry Trade “ คือนักลงทุนจะยืมสกุลเงินเยนที่ดอกเบี้ยต่ำ ไปใช้ซื้อสกุลเงินอื่นที่ได้ดอกเบี้ยสูง จากนั้น ส่วนต่างดอกเบี้ยก็คือกำไร การทำเช่นนี้ ยิ่งทำให้เงินเยนอ่อนค่า
เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2024 เงินเยนอ่อนค่าไปอยู่ที่ 160 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกนับจากปี 1990 ก่อนจะฟื้นกลับขึ้นมาได้บ้าง หลังธนาคารกลางญี่ปุ่นใช้เงินมากถึง 59,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ไปไล่ซื้อเงินเยนกลับมา นักวิเคราะห์มองว่า การทำเช่นนี้ ช่วยได้เพียงชั่วคราว แต่ทางภาครัฐยังไม่สามารถลงลึกแก้ปัญหาได้จริงๆ
เงินเยนอ่อนค่าไปแล้ว 10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เข้าสู่ปี 2024 หลังจากอ่อนค่าไป 8% เมื่อปีที่แล้ว จากข้อมูลของ Refinitiv เป็นการอ่อนค่าที่เลวร้ายสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 10 ชาติ ในปีนี้ ( 2024 )
แม้ธนาคารกลางญี่ปุ่นจะยุติการคงอันตราดอกเบี้ยในแดนลบ โดยการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี เมื่อเดือนมีนาคม แต่ช่องว่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยของญี่ปุ่น และสหรัฐ ก็ยังคงถ่างออกอยู่ดี คาดว่า เงินเยนน่าจะอ่อนค่าต่อไป
แต่ก็อาจส่งผลดีอยู่บ้างกับญี่ปุ่น ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของเอเชีย เงินเยนอ่อนค่า ทำให้สินค้าส่งออกญี่ปุ่นแข่งขันกับคนอื่นได้ดี สร้างผลกำไรให้บริษัทและเศรษฐกิจเติบโต คนต่างชาติยังมาเที่ยวญี่ปุ่นได้ในราคาที่ถูกลงด้วย และข้าวของในญี่ปุ่นก็ดูเหมือนจะถูกลงในสายตาคนต่างชาติ แต่คนญี่ปุ่นกลับไปเที่ยวต่างแดนกันน้อยลง โดยอยู่ที่ 9.62 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว ( 2023 ) ทั้งที่ก่อนช่วงโควิดระบาด เมื่อปี 2019 ยังมีคนญี่ปุ่นไปท่องต่างแดนถึง 20.1 ล้านคน
เงินเยนอ่อนค่ายังดันให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นขึ้นแตะระดับที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว ตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1980 สร้างแรงดึงดูดให้กับนักลงทุนระดับโลก อย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://edition.cnn.com/2024/05/03/economy/japan-declining-yen-shortcake-travel-intl-hnk/index.html