ขอบคุณภาพจาก RT
17/5/2024
ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกพากันรุมคว่ำบาตรรัสเซียที่ไปบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 แต่ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ก็ยังมีเพื่อนผู้ทรงอิทธิพลอย่างประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน คอยช่วยเหลือ
ผู้นำจีน เคยประกาศจะเป็นหุ้นส่วนกับรัสเซียอย่างไม่จำกัด หลายสัปดาห์ก่อนที่รัสเซียจะบุกยูเครนอย่างเต็มรูปแบบ การที่ผู้นำรัสเซียเยือนจีนนานสองวันในครั้งนี้ จึงมีความหมายอย่างมาก และนับเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ที่สองผู้นำได้เจอกัน นับจากสงครามยูเครนเริ่มต้นขึ้น
สงครามยูเครนทำให้จีนกับรัสเซียยิ่งสนิทแนบแน่นในด้านเศรษฐกิจ การค้าระหว่างกันพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อปี 2023 ขณะที่รัสเซียนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น จีนเองก็ซื้อเชื้อเพลิงจากรัสเซียมากขึ้นด้วย เพราะรัสเซียลดราคาให้
สหรัฐบอกว่า จีนส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ก็มีทั้ง เครื่องกล เซมิคอนดักเตอร์ และวัตถุดิบต่างๆ สิ่งเหล่านี้ ช่วยให้รัสเซียสร้างเสริมอุตสาหกรรมทหาร นำไปผลิตเป็นรถถัง กระสุน และยานหุ้มเกราะ ไว้ใช้รับมือกับการทำสงครามในยูเครน แต่จีนยืนยัน การค้ากับรัสเซียทำไปเพื่อดำเนินความสัมพันธ์ในระดับปกติเท่านั้น และจีนยังคงเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใครในสงครามยูเครน และต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างสันติ
มาตรการคว่ำบาตรที่ตะวันตกใช้กับรัสเซีย พุ่งเป้าไปที่องค์กรในรัสเซีย และการนำเข้าส่งออกสินค้ากับรัสเซีย และยังรวมถึงความพยายามจำกัดรายได้ของรัสเซีย จากการส่งออกเชื้อเพลิง และจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีและอาวุธยุทธปัจจัยต่างๆ
แต่จนแล้วจนรอด เศรษฐกิจรัสเซียก็ยังเติบโตกว่าคาด ขยายตัวถึง 3.6% เมื่อปี 2023 จากการรายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ทั้งที่เศรษฐกิจรัสเซียเคยหดตัวเมื่อปี 2022 ตามการรายงานของสื่อรัฐบาลรัสเซีย
จีนกลายเป็นหุ้นส่วนการค้าระดับต้นๆ ของรัสเซียไปแล้ว และล่าสุด จีนยังแซงหน้าสหภาพยุโรป จากการจัดอันดับประเทศที่ค้าขายกับรัสเซียมากที่สุด เนื่องจากสหภาพยุโรปลดการซื้อเชื้อเพลิงจากรัสเซีย และจำกัดการส่งออกไปยังรัสเซีย ตั้งแต่สินค้าไฮเทค ไปจนถึงอุปกรณ์การขนส่ง ส่วนจีนกลับส่งออกไปรัสเซียมากขึ้น ทั้งสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอื่นๆ เช่น ยานยนต์ เครื่องจักร และของที่ใช้กับบ้าน
ส่วนรัสเซียก็กลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายหลักให้จีนไปแล้ว แซงหน้าซาอุดิอาระเบีย จากข้อมูลการค้าของจีน อินเดียเองก็นำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพิ่มขึ้นเช่นกัน ในช่วงสงครามยูเครน
สหภาพยุโรปส่งออกไปรัสเซียลดลง 60% นับจากสงครามยูเครนเปิดฉาก ส่วนจีนกลับส่งออกไปรัสเซียมากขึ้น เท่ากับว่า มาเติมเต็มส่วนที่หายไปจากสหภาพยุโรปพอดี จีนส่งสินค้าไปรัสเซียเมื่อปี 2023 เพิ่มขึ้นถึง 65% เมื่อเทียบกับปี 2021
รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เคยเตือนจีน เมื่อครั้งที่เขาเยือนปักกิ่งปลายเดือนที่แล้ว ( เมษายน ) ว่า สหรัฐและประเทศอื่นๆ จะดำเนินการ ถ้าหากจีนยังไม่ยอมจำกัดสินค้าที่ส่งไปยังรัสเซีย
ด้านประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก็เน้นย้ำกับสี จิ้นผิง ที่เดินทางเยือนฝรั่งเศสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนจำเป็นต้องลดทอนการส่งสินค้าไปยังรัสเซีย ในบางรายการที่อาจนำไปทำเป็นอาวุธได้
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับรัสเซียเป็นไปอย่างแนบแน่น ปูตินแทบไม่ค่อยเดินทางไปต่างประเทศแล้ว นับจากสงครามยูเครนระเบิดขึ้น แต่เขาเดินทางมาจีน เพื่อมาพบสี จิ้นผิง เป็นหนที่สองแล้ว นับจากบุกยูเครน และถ้านับรวมกันทั้งหมด ที่ได้เจอกันแบบตัวต่อตัว ก็รวมได้ 4 หนแล้ว แต่ถ้านับรวมไปถึงการเจอกันตามที่ประชุมต่างๆ เข้าไปด้วย ก็เท่ากับว่า สี จิ้นผิงได้เจอกับปูตินไปถึง 43 หนแล้ว มากกว่าผู้นำคนไหนในโลก นับจากสี จิ้นผิงขึ้นครองอำนาจในจีนเมื่อปี 2012
ประธานาธิบดี ปูติน เลือกเยือนจีนเป็นที่แรก นับจากเขาครองเก้าอี้ผู้นำรัสเซียเป็นสมัยที่ 5 หลังคว้าชัยเลือกตั้งถล่มทลายเมื่อเดือนมีนาคม สะท้อนให้เห็นว่า เขาให้ความสำคัญกับจีนอย่างมาก ส่วนสี จิ้นผิง ก็เลือกเยือนรัสเซียเป็นที่แรกเช่นกัน เมื่อเดือนมีนาคม 2023 หลังจากเขาเริ่มทำหน้าที่ประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่สาม
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://edition.cnn.com/2024/05/15/business/china-russia-ties-ukraine-war-intl-hnk-dg/index.html