ขอบคุณภาพจาก RT
16/6/2024
Edmond de Rothschild สถาบันทางการเงินที่เชี่ยวชาญในเรื่องการให้คำปรึกษาทางการเงินและการบริหารสินทรัพย์ ตั้งอยู่ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ แถลงว่า ทางบริษัทมีแผนจะเปิดสำนักงานในซาอุดิอาระเบียปีนี้ ( 2024 ) และจัดตั้งแพลทฟอร์มที่จะช่วยจัดเตรียมเงินทุนให้กับโครงการก่อสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานในซาอุฯ
Edmond de Rothschild ยังจะทำงานร่วมกับ SNB Capital บริษัทจัดการสินทรัพย์ในเครือของ Saudi National Bank หรือ SNB เพื่อจัดตั้งกองทุนรวม ช่วยจัดหาเงินทุนให้กับโครงการระบบโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศซาอุฯ
Edmond de Rothschild มีสินทรัพย์มากกว่า 5,400 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 200,000 ล้านบาท ที่ต้องดูแลจัดการ จัดอยู่ในหมวดสินทรัพย์หนี้โครงสร้างพื้นฐาน การเข้าไปในซาอุฯ หนนี้ ทางบริษัทจะเข้าไปทำกิจการร่วมค้า หรือ joint venture กับ Water Partners บริษัทให้บริการทางการเงินอิสระของซาอุฯ เพื่อจัดเตรียมบริการให้คำแนะนำปรึกษาเรื่องหนี้โครงสร้างพื้นฐานแก่บรรดานักลงทุนสถาบันและสำนักงานที่อยู่ในเครือของราชวงศ์ซาอุฯ
กิจการร่วมค้านี้ คาดว่า จะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 จากการเปิดเผยของ Edmond de Rothschild ซึ่งยังระบุว่า สำนักงานมีแผนจะเปิดตัวในกรุงริยาด และจะจ้างคนในพื้นที่มาทำงาน
การจัดวางกลยุทธ์และสร้างกิจการร่วมค้า จะต้องได้รับใบอนุญาตและเห็นชอบทางกฎหมายในซาอุฯ ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว ( 2023 ) ทางบริษัทก็ขยายสำนักงานในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์เช่นกัน โดยการสร้างสำนักงานที่ปรึกษาในดูไบ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Edmond de Rothschild แถลงว่า นี่คือก้าวต่อไปของทางบริษัท คือการสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจที่มีมาอย่างยาวนานในซาอุฯ ทางบริษัทมีประวัติย้อนหลังที่ดีในเรื่องการจัดการหนี้โครงสร้างพื้นฐานในยุโรป จึงมั่นใจได้ว่า จะนำความเชี่ยวชาญมาสร้างประโยชน์ให้กับโครงการ Vision 2030 ของซาอุฯ ซึ่งได้รับการส่งเสริมจากมกุฏราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซาลมาน ตั้งเป้าสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจแก่ซาอุฯ และลดการพึ่งพาธุรกิจน้ำมันแต่เพียงอย่างเดียว การพัฒนาภาคการเงินของซาอุฯ ถือเป็นหนึ่งในหลักการนี้ด้วย
เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว ( 2023 ) S&P Global ระบุว่า ซาอุฯ กำลังพัฒนาตลาดตราสารหนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นต้องระดมทุนเพิ่มมากขึ้น ใช้ในการลงทุนระยะยาว วงเงินมหาศาล ภายใต้โครงการ Vision 2030
โครงการนี้แบ่งออกเป็น 5 ส่วนใหญ่ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา รวมถึงการสร้างเมืองแห่งอนาคต Neom คาดว่า ต้องใช้งบสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 18.5 ล้านล้านบาท และการลงทุนอีกหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในด้านการท่องเที่ยว , สันทนาการ , วีดีโอเกม และพลังงานหมุนเวียน ทั้งหมดนี้ ซาอุฯ จำเป็นต้องใช้เงินสดมหาศาล
ปัจจุบัน ซาอุฯ มีหนี้สาธารณะอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ คือ 26.5% ของจีดีพีในปี 2023 หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินของซาอุฯ กำลังพิจารณายกเลิกการเก็บภาษีดอกเบี้ยหัก ณ ที่จ่าย 5% แก่บรรดาผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อกระตุ้นให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในซาอุฯ เพิ่มขึ้น
By IMCT News