Thailand
ขอบคุณภาพจาก Game of Trades
9/5/2024
กระแสคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยมีเค้าลางมาตั้งแต่ปี 2022 เมื่อบรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างเตือนกันซ้ำซากเกี่ยวกับตลาดหุ้นล้มซึ่งใกล้เข้ามาแล้ว บรรดานักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า ตลาดหุ้นล้มครั้งนี้อาจจะเลวร้ายกว่าวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 2008 เสียอีก ซ้ำรอยเศรษฐกิจถดถอยหนักสุดตั้งแต่ปี 1929 และถ้าตลาดหุ้นล้ม กลุ่ม BRICS จะได้ประโยชน์เพราะเศรษฐกิจสหรัฐจะเดือดร้อนจากผลที่ตามมาจากการตัดสินใจของตัวเอง หนี้ที่ไร้การควบคุม 34.4 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,272 ล้านล้านบาท กำลังหมุนวนนำไปสู่การถอยห่างจากดอลลาร์สหรัฐของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่เคยใช้ดอลลาร์เป็นหลักในการค้าโลก
BRICS กำลังหาทางครองภาคการเงินโลก Henrik Zeberg นักเศรษฐศาสตร์มหภาครายนี้ แสดงมุมมองว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะคึกคักสุดขีดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะร่วงลง 50% หรือมากกว่านั้น แต่ไม่ใช่ว่าทุกประเทศจะได้รับผลกระทบถ้าเศรษฐกิจสหรัฐพัง เพราะกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาต่างเพิ่มทองคำเป็นทุนสำรองมากขึ้น BRICS เป็นกลุ่มผู้ซื้อทองรายใหญ่สุดนับจากปี 2022 เพื่อคุ้มครองเศรษฐกิจตัวเอง หากตลาดหุ้นสหรัฐเกิดพังขึ้นมา
เขายังเตือนว่า ตลาดหุ้นอเมริกาในปีนี้ ( 2024 ) อาจซ้ำรอยวิกฤติเศรษฐกิจ Great Depression เมื่อปี 1929 เพราะชาร์ทแสดงผลมีรูปแบบเดียวกับชาร์ทที่ตลาดหุ้นสหรัฐเคยล้มมาก่อนในอดีต ซึ่ง BRICS ก็หวังว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะล้มจริงๆ เพื่อทำให้แนวคิดถอยห่างจากดอลลาร์ มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
มีการพยากรณ์ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐจะล้มในไม่ช้านี้ โดยอธิบายได้จากการเทียบกันระหว่างดอกเบี้ยพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปี กับอายุ 3 เดือน ซึ่งเกิด Inverted Yield Curve นานกว่า 500 วัน และนับจากปี 1920 เป็นต้นมา ก็เกิดปรากฏการณ์แบบนี้แค่สามครั้งเท่านั้น คือเมื่อปี 1929 , 1974 และ 2008 ซี่งในสามปีที่ว่ามานี้ เป็นปีที่ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงกว่า 50% และคาดว่า ครั้งล่าสุดจะเกิดในปี 2024 นี้ โดยเราจะได้เห็นตลาดหุ้นสหรัฐดีดขึ้น ก่อนจะที่ร่วงลงอย่างรุนแรง
Inverted Yield Curve คือปรากฏการณ์ที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น ทั้งที่ตามปกติ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาว มักให้ผลตอบแทนสูงกว่าระยะสั้น เพราะการลงทุนในระยะยาว จะมีความเสี่ยงจากการถือครองพันธบัตรมากกว่าระยะสั้น จากความไม่แน่นอนของอัตราเงินเฟ้อและทิศทางดอกเบี้ยในอนาคต
ซึ่งถ้านักลงทุนกังวลว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวมาก และสภาวะตลาดมีความผันผวนรุนแรง นักลงทุนจะเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรระยะยาวมากกว่าปกติ จนกดให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าพันธบัตรระยะสั้น จึงทำให้เกิดภาวะ Inverted Yield Curve และถ้าเกิดนานกว่า 500 วัน มาบรรจบที่ปีไหน ปีนั้นตลาดหุ้นสหรัฐก็มีแนวโน้มร่วงลง 50%
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://watcher.guru/news/brics-economist-predicts-one-final-rally-before-markets-crash-50
© Copyright 2020, All Rights Reserved