ขอบคุณภาพจาก Gutzy Asia
31/10/2024
นายกรัฐมนตรีลอว์เรนซ์ หว่อง ผู้นำสิงคโปร์วัย 51 ปี กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นเพื่อเดินหน้าสู่การปฏิรูปพรรคกิจประชาชน หรือ พรรค PAP ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลสิงคโปร์ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากขึ้น ก่อนการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า เนื่องจากหว่องอาจขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดของพรรคในเร็วๆ นี้
ในเดือนหน้า (พ.ย.2024) พรรคกิจประชาชน (PAP) จะต่ออายุสมาชิกคณะกรรมการบริหารกลางเมื่อวาระการดำรงตำแหน่ง 2 ปีของพวกเขาสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่หว่องอาจขึ้นสู่อำนาจได้ ตามมุมมองของผู้สังเกตการณ์ทางการเมือง นั่นหมายความว่าพรรคจะมีหว่องอยู่ในตำแหน่งสูงสุดเพื่อนำการรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งสิงคโปร์จะจัดขึ้นภายในเดือนพฤศจิกายนปีหน้า (2025)
หว่องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (2024) แต่อดีตนายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง บุตรชายของลีกวนยู ผู้นำผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐสิงคโปร์แห่งนี้ ยังคงดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ขณะที่หว่องดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการตั้งแต่ปี 2022
“ลี เซียนลุง มีสิทธิ์ทุกประการที่จะรักษาตำแหน่งเลขาธิการพรรค PAP แม้ว่าลอว์เรนซ์ หว่อง จะยังคงเป็นนายกรัฐมนตรี ตราบใดที่พรรค PAP ต้องการ” ผู้ช่วยศาสตราจารย์จา เอียน ชอง นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) กล่าว แต่ “ถึงจะพูดเช่นนั้น สำหรับคนจำนวนมากในที่สาธารณะ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำพรรค ภาพลักษณ์ก็อาจบ่งบอกว่า ภายในพรรค PAP ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวลอว์เรนซ์ หว่องเพียงพอ”
อีกด้านหนึ่ง หว่องไม่จำเป็นต้องดำรงตำแหน่งที่มีตำแหน่งสูงสุดในพรรครัฐบาล แม้ว่าจะดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาลก็ตาม แต่ “การต่ออายุและส่งมอบตำแหน่งผู้นำ (ให้กับหว่อง) จะไม่สมบูรณ์ หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ลี เซียนลุง รัฐมนตรีอาวุโสยังคงเป็นเลขาธิการพรรค PAP ในวาระหน้า” ตามมุมมองของผู้ช่วยศาสตราจารย์ยูจีน ตัน จากมหาวิทยาลัยการจัดการสิงคโปร์ ซึ่งแม้พรรค PAP จะเป็นกลุ่มการเมืองเพียงกลุ่มเดียวที่ปกครองสิงคโปร์มาตั้งแต่ได้รับเอกราชในปี 1965 แต่หว่องรู้สึกว่าจำเป็นต้องปฏิรูปพรรคของตน และแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับอนาคตของพรรค PAP
ช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา (2024) หว่องได้รับเชิญเป็นแขกผู้มีเกียรติในการประชุมเนื่องในโอกาสครบรอบ 35 ปีของ PAP Women’s Wing ซึ่งหว่องได้เสนอแนวคิดในการส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศในสิงคโปร์ โดยระบุระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ว่า ในช่วงทศวรรษ 1970 ถึงต้นทศวรรษ 1980 สมาชิกรัฐสภาของพรรค PAP ทั้งหมดเป็นผู้ชาย ซึ่งสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งในสามในปัจจุบัน รวมถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เป็นผู้หญิง ซึ่งหว่องเน้นย้ำว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม จากสมาชิก 19 คนที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีของหว่อง มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง
“ผมจะพยายามผลักดันเรื่องนี้ต่อไป ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมหวังว่าจะสามารถส่งผู้สมัครที่เป็นผู้หญิงได้มากขึ้น” หว่องกล่าว “เมื่อเราทำได้ โปรดสนับสนุนพวกเขาด้วย ช่วยให้ผมเพิ่มจำนวนผู้หญิงที่เป็นตัวแทนในรัฐสภาของเรา”
การปฏิรูปความสมดุลทางเพศเป็นเพียงหนึ่งในสาขาที่หว่องจะต้องถูกทดสอบ หลังพรรค PAP ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าประกอบด้วยชนชั้นสูงที่หยิ่งทะนง และไม่รับรู้ถึงชีวิตของพลเมืองทั่วไป เนื่องจากสมาชิกในรัฐบาลได้รับเงินเดือนที่สูงกว่าค่าจ้างของชาวสิงคโปร์หลายเท่า จากการที่รายได้รวมต่อปีเฉลี่ยจากการทำงานของผู้อาศัยที่ทำงานเต็มเวลาในสิงคโปร์ เมื่อปีที่แล้ว (2023) อยู่ที่ประมาณ 62,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (46,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ตามสถิติของประเทศ
ขณะเดียวกัน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา (2024) Forbes รายงานว่า หว่องเป็นผู้นำที่ได้รับเงินเดือนสูงที่สุดในโลก โดยมีเงินเดือนประจำปีอยู่ที่ 2.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทีเดียว
“การแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเห็นอกเห็นใจในการโต้ตอบกับสาธารณะ รวมถึงการมีส่วนร่วมกับชุมชนที่ไม่ได้รับการเป็นตัวแทนและด้อยโอกาสเป็นประจำ หว่องและพรรคสามารถแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแท้จริงในการแก้ไขข้อกังวลของพลเมืองทุกคน” ตามเหวิน เหว่ย ตัน นักวิเคราะห์ประจำเอเชียจาก Economist Intelligence Unit ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยและวิเคราะห์กล่าว “การเน้นย้ำความรับผิดชอบและความโปร่งใสในการบริหารประเทศ การเปิดใจเกี่ยวกับการตัดสินใจด้านนโยบาย การชี้แจงเหตุผลอย่างชัดเจน และการรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ สามารถต่อต้านการรับรู้ถึงความเย่อหยิ่งได้”
หว่องในฐานะผู้นำพรรค PAP สนับสนุนเงินเดือนที่แข่งขันกันของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อดึงดูดผู้มีความสามารถเข้าสู่บริการสาธารณะและป้องกันการทุจริต แต่การผลักดันการปกครองที่สะอาดของพรรครัฐบาลต้องเผชิญความท้าทายจากเรื่องอื้อฉาวการติดสินบนที่เกี่ยวข้องกับอดีตสมาชิกคนหนึ่งของพรรค นั่นคือ เอส อิสวารัน อดีตรัฐมนตรีคมนาคมขนส่ง ซึ่งอิสวารันถูกตั้งข้อหาและถูกตัดสินจำคุกหนึ่งปี
เมื่อการเลือกตั้งของสิงคโปร์ใกล้เข้ามา นายกรัฐมนตรีหว่องเรียกร้องให้มีการ “รีเซ็ตนโยบายครั้งใหญ่” ในเดือนสิงหาคม (2024) ระหว่างการชุมนุมวันชาติสิงคโปร์ ซึ่งถือเป็นเวทีทางการเมืองที่สำคัญที่สุดสำหรับนายกรัฐมนตรี สำหรับการสรุปวิสัยทัศน์ของหว่องต่อประเทศ
“คำถามคือ หว่องสามารถ “รีเซ็ตนโยบายครั้งใหญ่” ภายในพรรคของเขาเองได้หรือไม่” ตันกล่าว เพราะ “หลายปีที่อยู่ในอำนาจทำให้ทักษะทางการเมืองในการระดมพลลดน้อยลง”
IMCT News
ที่มา https://asia.nikkei.com/Politics/Singapore-PM-Wong-under-pressure-to-reform-party-as-election-nears