ขอบคุณภาพจาก RT
22/10/2024
ธนาคารสหรัฐกำลังกระทบหนัก มีการขาดทุนทางบัญชีจากหลักทรัพย์ที่พวกเขาได้มา พุ่งราวติดจรวดแตะ 750,000 ล้านดอลลาร์ ก่อนไตรมาสสามของปีนี้ หรือประมาณ 24.7 ล้านล้านบาท สูงกว่า 7 เท่า เมื่อเทียบกับการขาดทุนทางบัญชีในช่วงที่เกิดวิกฤติการเงินในปี 2008 ซึ่งในตอนนั้น ธนาคารขาดทุนไป 100,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 3.3 ล้านล้านบาท
การขาดทุนทางบัญชีในครั้งนี้ เชื่อมโยงโดยตรงกับหลักทรัพย์ที่ธนาคารได้มาแต่เดิม โดยเฉพาะสินทรัพย์ทางการเงินเผื่อขาย หรือ AFS และ สินทรัพย์แบบถือจนครบกำหนดอายุ หรือ HTM
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นบวกกับสภาพเศรษฐกิจที่ผันผวน กำลังส่งผลกระทบต่อตลาด มูลค่าสินทรัพย์จึงถูกกัดกร่อนไปทุกกระดาน บรรดาธนาคารในสหรัฐ ต่างรู้สึกถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และคิดว่า ไม่จำเป็นต้องปิดซ่อนความเสียหายทางการเงินอีกแล้ว
แต่สาเหตุที่แท้จริงของการขาดทุน ส่วนใหญ่มาจากหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัย หรือ RMBS อัตราดอกเบี้ยที่อยู่อาศัยที่พุ่งสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาหลักทรัพย์เหล่านี้ร่วงต่ำลง จึงทำให้ธนาคารขาดทุน
บวกกับหุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทเอกชน และพันธบัตรรัฐบาล ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีไปกว่ากันเท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ยที่พุ่งขึ้น กดราคาหลักทรัพย์เหล่านี้ให้ร่วง ธนาคารจึงยิ่งขาดทุนทางบัญชีลามปามเข้าไปอีก
มีธนาคารในสหรัฐ 1,027 แห่งในปัจจุบัน ที่มีสินทรัพย์เกิน 1,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 33,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ มีอยู่ 47 แห่ง ที่ขาดทุนทางบัญชีเกิน 50% ของทุนทั้งหมด จากการเปิดเผยเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน
ทางหน่วยงานกำกับดูแลก็ไม่ได้นิ่งเฉย สถาบันคุ้มครองเงินฝากของสหรัฐ กำลังเข้าจัดการธนาคารเหล่านี้อยู่ ต้องการให้พวกเขาทดสอบสภาพคล่อง และดูแลจัดการเงินฝากที่ไม่ได้รับการค้ำประกันให้ดี
บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ธนาคารควรกอบกู้ตัวเลขขาดทุนทางบัญชีให้ได้ขึ้นมาสัก 25% ถ้าอัตราดอกเบี้ยทรงตัว หรือ ลดลง แต่เนื่องจากความผันผวนของตลาดและสภาพเศรษฐกิจ จึงไม่ง่ายเลยที่ธนาคารจะแก้ปัญหานี้
แต่ก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง เมื่อผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลง จาก 4.34% เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2024 มาอยู่ที่ 3.73% ในเวลานี้ เมื่อพันธบัตรให้ผลตอบแทนลดลง ราคาพันธบัตรจะแพงขึ้น ก็พอจะช่วยให้ธนาคารกอบกู้ตัวเลขขาดทุนทางบัญชีขึ้นมาได้บ้าง แต่ความเสียหายก็ยังมีอยู่ เดิมที ธนาคารเคยคิดว่า การถือครองพันธบัตรรัฐบาลจะช่วยสร้างผลตอบแทนได้อย่างปลอดภัย แต่ตอนนี้ พวกเขากลับขาดทุนแทนที่
ภาคการเงินในสหรัฐยิ่งโกลาหลหนักขึ้น เมื่อรัฐบาลจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลพุ่งแตะ 1.833 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณที่ 2024 หรือประมาณ 60 ล้านล้านบาท สูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 8% ถือเป็นการขาดดุลใหญ่เป็นอันดับสามในประวัติศาสตร์สหรัฐ เป็นรองก็แค่ในปี 2020 และ 2021 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิดระบาด ทั้งยังไม่นับรวมหนี้สาธารณะอีก 35.7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1,178 ล้านล้านบาท ส่วนดอกเบี้ยหนี้เฉพาะแค่ปีนี้ ก็พุ่งแตะ 1.16 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 38 ล้านล้านบาท เป็นครั้งแรกที่ดอกเบี้ยหนี้ในสหรัฐทะลุหลักล้านล้านดอลลาร์
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://www.cryptopolitan.com/u-s-banks-unrealized-losses-soar-to-7-times-2008-crisis-levels/