ขอบคุณภาพจาก RT
8/8/2024
บทความจาก International Man ระบุว่า สงครามตัวแทนจะเป็นตัวกำหนดว่า ใครจะเป็นผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 3 และจะเป็นผู้วางกฎระเบียบของโลกใหม่ สงครามตัวแทนในยูเครนและไต้หวัน มีแนวโน้มจะเข้าทางกลุ่ม BRICS+ที่จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ
นาโต้และพันธมิตร จึงยึดสงครามตัวแทนในยูเครนและไต้หวัน เป็นที่มั่นสุดท้าย ที่จะหยุดกระแสโลกหลายขั้วอำนาจ และให้สหรัฐยังคงเป็นผู้นำในการจัดระเบียบภูมิภาคตะวันออกกลางต่อไป ตะวันออกกลางในตอนนี้ สุ่มเสี่ยงจะเกิดสงครามครั้งใหญ่สุดในรอบหลายชั่วอายุคน
ตะวันออกกลางแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักๆ ในด้านภูมิรัฐศาสตร์
กลุ่มแรกคือสหรัฐและพันธมิตร เช่น อิสราเอล ตุรกี จอร์แดน อียิปต์ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ คูเวต กาตาร์ บาห์เรน และอื่นๆ แม้ว่า อียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ จะอยู่ในกลุ่ม BRICS เช่นเดียวกับซาอุฯ ที่เป็นพันธมิตรกับ BRICS แต่โดยเนื้อแท้แล้ว ประเทศเหล่านี้คือพันธมิตรของนาโต้
ส่วนกลุ่มที่สอง ประกอบไปด้วย อิหร่าน ซีเรีย กลุ่มฮูตีในเยเมน เฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน กลุ่มปาเลสไตน์หลากหลายกลุ่มรวมถึงฮามาส และกลุ่มติดอาวุธในอิรัก โดยมีรัสเซียและจีนอยู่เบื้องหลัง
ถ้าเกิดสงครามในตะวันออกกลาง ก็คือการสู้กันของสองกลุ่มนี้ สหรัฐและพันธมิตรจะมาในนาม นาโต้และพันธมิตร ส่วนอีกกลุ่มมาในนาม BRICS+
แม้อิหร่านดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่ในกลุ่มที่สอง แต่อิหร่านไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ที่ซับซ้อน ที่จะรับมือกลุ่มนาโต้และพันธมิตรได้ หากเกิดการรุกรานในตะวันออกกลาง อิหร่านจึงเป็นจุดอ่อนสำหรับกลุ่ม BRICS ที่จะเดินหน้าไปสู่โลกหลายขั้วอำนาจ และสิ่งที่นาโต้และพันธมิตรจะทำก็คือ ทำให้กลุ่มสองใช้การไม่ได้
หนึ่งในจุดที่ต้องจับตาคือ กาซ่า แม้อิสราเอลจะสร้างความเสียหายให้กาซ่าคิดเป็นวงกว้าง แต่ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายในการทำลายกลุ่มฮามาสเสียที เพราะฮามาสใช้ยุทธวิธีแบบสงครามกองโจร อีกทั้งยังมีจิตตั้งมั่นต้องรอดให้ได้ในความขัดแย้งครั้งนี้ จึงดึงดูดผู้คนให้มาเข้าร่วมขบวนการมากมาย การทำสงครามกองโจรเป็นยุทธวิธีที่ใช้ได้ผลมาแล้วในหน้าประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ทั้งกลุ่มตอลีบานและเวียดกง
อิสราเอลตอนนี้ จึงเหมือนติดกับดักของสถานการณ์ที่ไม่สามารถเอาชนะได้เสียที และอิสราเอลก็มีอยู่สองทางเลือกที่ต้องทำ คือ เจรจาหยุดยิงและยอมแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ หรือ ทำสงครามในกาซ่าต่อไปแล้วต้องสูญเสียทั้งไพร่พล และเศรษฐกิจ แล้วก็ไม่มีอะไรรับประกันด้วยว่าจะชนะ สถานะของอิสราเอลในกาซ่าที่กำลังย่ำแย่ลงเรื่อยๆ สิ่งนี้กลายเป็นจุดอ่อนทางภูมิรัฐศาสตร์ของกลุ่มนาโต้และผองเพื่อนในตะวันออกกลาง
มาดูที่ซีเรียกันบ้าง นับจากปี 2011 นาโต้และผองเพื่อนพยายามโค่นอำนาจประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสสาด ของซีเรีย และตั้งคนของตัวเองขึ้นมาแทน แต่ความพยายามนั้นก็ล้มเหลว เพราะรัสเซีย อิหร่าน และเฮซบอลเลาะห์เข้ามาแทรก ซีเรียจึงถือเป็นข้อได้เปรียบของกลุ่ม BRICS
ส่วนที่อิรัก หลังจากสหรัฐโค่นอำนาจซัดดัม ฮุสเซน ในปี 2003 พวกเขาก็หวังว่า จะทำอิรักให้เป็นเหมือนจอร์แดน ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับสหรัฐที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ก็ดูเหมือนจะทำไม่สำเร็จ เพราะแม้ซัดดัมจากกลุ่มมุสลิมนิกายสุหนี่ถูกโค่นอำนาจ แต่กลายเป็นเปิดช่องให้มุสลิมนิกายชีอะห์แทน ซึ่งถือเป็นพลเมืองส่วนใหญ่ในอิรัก ก็ไปเข้าทางอิหร่านพอดี ซึ่งก็เป็นมุสลิมชีอะห์เช่นกัน
กลุ่มติดอาวุธในอิรักมากมายยังอยู่ฝ่ายเดียวกับอิหร่าน รัฐบาลกลางของอิรัก ไม่สามารถท้าทายคนกลุ่มนี้ได้เลย ดังนั้น แม้จะโค่นซัดดัมลงได้ แต่ไปๆ มาๆ อิรักก็ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับสหรัฐอย่างเต็มร้อย สหรัฐยังมีทหารอยู่ในอิรักไม่กี่พันนาย แต่เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลกลางอิรักร้องขอให้สหรัฐถอนทหารออกไปเสีย การเจรจายังดำเนินต่อไป ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ เท่ากับว่า อิรักยังอยู่ฝ่ายเดียวกับอิหร่าน
ส่วนที่เยเมน ซึ่งบางครั้งก็ถูกเรียกว่า เป็นอัฟกานิสถานแห่งตะวันออกกลาง เพราะเป็นสังคมกลุ่มชนเผ่าที่ยากจนแต่มีอาวุธชั้นดีในครอบครอง อีกทั้งยังตั้งอยู่ในเขตเทือกเขาทุรกันดาร ยากต่อการที่ต่างชาติจะบุกเข้ามา
กลุ่มฮูตีที่อิหร่านหนุนหลัง ได้เข้าครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมน สร้างความขุ่นเคืองให้กองกำลังผสมของซาอุดิอาระเบียและพันธมิตร แม้จะทำสงครามกันตั้งแต่ปี 2015 แต่ซาอุฯ ที่สหรัฐหนุนหลังอยู่ ก็ไม่เคยเอาชนะฮูตีได้เลย ความขัดแย้งยืดเยื้อในกาซ่า ทำให้ฮูตีหาทางช่วยอีกแรงด้วยการขัดขวางการเดินเรือของต่างชาติในทะเลแดง ซึ่งถือเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในโลก พวกเขาพุ่งเป้าโจมตีเรือของสหรัฐและอิสราเอล โดยใช้ขีปนาวุธและโดรน บางครั้งยังยิงถล่มหลายเมืองในอิสราเอลอีกด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่า ฮูตีของเยเมนอยู่ฝ่ายเดียวกับอิหร่าน
ปิดท้ายที่อิหร่าน หรือที่รู้จักกันในชื่อ เปอร์เซีย ก่อนปี 1935 อิหร่านต่างจากหลายชาติในตะวันออกกลาง ตรงที่สิ่งต่างๆ ที่เกิดในประเทศนี้ ล้วนมาจากธรรมชาติแทบทั้งสิ้น พรมแดนที่เต็มไปด้วยเทือกเขาคล้ายป้อมปราการ ส่วนในภาคตะวันออก ก็เป็นจุดที่อาณาจักรโรมันล่มสลายพร้อมกับอาณาจักรเปอร์เซียที่ผุดขึ้นมา
จนถึงปัจจุบัน สหรัฐและพันธมิตรยังจำกัดอิทธิพลของอิหร่านไม่สำเร็จ พวกเขาพยายามใช้ทุกวิธี เพื่อหลีกเลี่ยงการบุกอิหร่านอย่างเต็มรูปแบบ แต่อิหร่านก็กลับขยายอิทธิพลเพิ่มขี้น เศรษฐกิจอิหร่านแข็งแกร่งขึ้น จากความสัมพันธ์อันดีกับจีน กองทัพแข็งแกร่งขึ้นจากการผูกสัมพันธ์กับรัสเซีย และอุตสาหกรรมการทหารในอิหร่านได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น
นาโต้และผองเพื่อนมีไพ่ไม่กี่ใบที่จะเล่นกับอิหร่านได้ ถ้าสหรัฐอยากจะโค่น BRICS ให้ได้ ในตะวันออกกลาง ก็ต้องโค่นรัฐบาลอิหร่านให้ได้ก่อน ซึ่งก็หมายถึงต้องทำสงครามภาคพื้นดินบุกอิหร่าน แต่ถ้ายังจำกันได้ ในช่วงสงครามอิรัก-อิหร่าน ในช่วง 1980 – 1988 ซึ่งตอนนั้น ซัดดัมยังเป็นเด็กดีของตะวันตก ซัดดัมเหมือนส่งทหารอิรัก 5 แสนนาย เข้าไปให้อิหร่านบดขยี้ และทั้งที่อิรักได้แรงหนุนจากทั้งสหรัฐและสหภาพโซเวียต ทั้งยังใช้อาวุธเคมีอย่างมโหฬารที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ก็แทบจะไม่ได้ระคายผิวอิหร่านเลย
ดังนั้น แม้สหรัฐจะบุกอิหร่านจริง ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่า สหรัฐจะชนะ ส่วนอิหร่านเองถ้ามองว่า จะถูกสหรัฐบุก ก็คงเร่งพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาภายในไม่กี่สัปดาห์ หรืออิหร่านอาจได้รับอาวุธนิวเคลียร์อย่างเงียบๆ มาแล้วก็ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่า นาโต้และผองเพื่อนอาจตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีอิหร่านก่อน แต่ทางรัสเซียก็คงไม่ยอมอยู่เฉยแน่นอน อาจส่งอาวุธนิวเคลียร์และส่งทหารเข้าไปช่วย
โดยสรุปก็คือ นาโต้และผองเพื่อน ไม่ได้อยู่ในจุดที่อ่อนแอในตะวันออกกลางเลย พวกเขามีอาวุธนิวเคลียร์ มีกองทัพที่ทันสมัย และยังมีพันธมิตรอยู่ในตะวันออกกลาง เช่น อียิปต์ อิสราเอล และตุรกี แต่ถ้าแนวโน้มในตะวันออกกลางจะเอียงมาทางกลุ่ม BRICS มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ช้าก็เร็ว นาโต้และผองเพื่อนอาจต้องตัดสินใจชี้ชะตา แต่ถ้าจะทำสงครามเต็มรูปแบบ ก็ไม่แน่ใจว่า ตัวเองจะชนะหรือไม่
นาโต้และผองเพื่อนรู้ดีว่า ความเป็นมหาอำนาจของสหรัฐใกล้จะยุติลงแล้ว แต่อย่างน้อย พวกเขาก็แค่ขอให้ผลออกมาแบบเสมอกัน ซึ่งเมื่อนำสถานการณ์ในหลายจุดมาประกอบกัน โอกาสดีน่าจะเอียงมาทางกลุ่ม BRICS ซึ่งก็จะเหนือกว่าทั้งสิ้น ในสงครามตัวแทนที่ปูทางไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 คือ สงครามยูเครน ไต้หวัน และตะวันออกกลาง มีแนวโน้มจะได้เห็นการสิ้นสุดของโลกขั้วเดียว และการผุดขึ้นมาของโลกหลายขั้ว
วิกฤติที่ใกล้เข้ามา มีแนวโน้มเลวร้ายกว่า ยาวนานกว่า และต่างไปจากสิ่งที่เราเคยเห็นนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 อาจได้เห็น โครงสร้างการเมือง สังคม และเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ มาแทนที่ของเดิม จากสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อาจเป็นวิกฤติเศรษฐกิจที่อันตรายที่สุดในรอบ 100 ปี
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://internationalman.com/articles/world-war-3s-decisive-battle/