Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
20/9/2024
สิ่งที่แย่เกี่ยวกับกมลา แฮร์ริส หากชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้ ก็คือ แนวคิดเศรษฐกิจแบบที่โจ ไบเดน ใช้ หรือที่เรียกกันว่า Bidenomics จะกลับมาอีก ซึ่งเป็นแนวคิดที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐกำลังมุ่งหน้าไปสู่ความเลวร้ายที่สุด นับจากวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ เมื่อปี 2007-2008 ในช่วงที่แฮร์ริสเป็นรองประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 49 เศรษฐกิจประเทศจวนเจียนจะเข้าสู่ภาวะถดถอย
ล่าสุด บรรดาผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ และมหาเศรษฐีพันล้าน ต่างมีแผนจะถอนการลงทุนจากตลาด หากแฮร์ริสชนะเลือกตั้ง
John Paulson มหาเศรษฐีผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ขู่จะโยกเงินออกจากตลาดสหรัฐ ถ้าอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้รับเลือกกลับมาเป็นผู้นำสหรัฐอีกสมัย กองทุนเฮดจ์ฟันด์ของเขาคิดเป็นมูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 300,000 ล้านบาท ครอบคลุมหลายสาขาในสหรัฐ
เขากังวลนโยบายเศรษฐกิจที่แฮร์ริสเสนอมา โดยให้สัมภาษณ์กับ Fox Business ว่า ถ้าแฮร์ริสได้รับเลือก เขาจะถอนเงินออกจากตลาด แล้วเก็บเป็นเงินสด เพื่อเอาไปซื้อทองคำ เพราะนโยบายของแฮร์ริส น่าจะสร้างความผันผวนอย่างมากกับตลาด และมีแนวโน้มที่ตลาดจะร่วงลง
Paulson กลุ้มใจนโยบายภาษีของแฮร์ริส ที่มีแผนจะเก็บภาษี 25% ในผลกำไรที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง อาจเป็นหุ้นที่ราคาขึ้น แต่ยังไม่ได้ขาย จึงนับว่า ยังไม่ได้สร้างผลกำไรขึ้นมาจริงๆ นโยบายนี้ จะทำให้เกิดการเทขายในเกือบทุกสิ่ง ตั้งแต่ หุ้น ตราสารหนี้ บ้าน งานศิลปะ จากมุมมองของ Paulson แนวทางเศรษฐกิจแบบนี้ จะส่งผลให้ตลาดพัง และถดถอยอย่างรวดเร็ว
ส่วนใครสร้างผลประโยชน์ให้กลุ่มชนชั้นกลางได้ดีกว่ากัน Paulson บอกว่า ทรัมป์น่าจะทำได้ดีกว่า เขาบอกว่า ผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของตลาดหุ้นสหรัฐและเศรษฐกิจ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า ใครได้ขึ้นมาเป็นใหญ่ในทำเนียบขาว และใครคุมสภาคองเกรส ถ้าแฮร์ริสได้ไป อาจเป็นจุดจบของเศรษฐกิจสหรัฐที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
มหาเศรษฐีวัย 64 ปี รายนี้ ยังเชื่อว่า ชนชั้นกลางคือกุญแจของการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งในยุคของทรัมป์ เขาทำให้ค่าจ้างเฉลี่ยเติบโตขึ้น 6.5% ส่วนในยุคของไบเดน เนื่องจากเงินเฟ้อสูงมาก ค่าจ้างที่ได้จริงๆ จึงดูเหมือนมีมูลค่าลดลง และตอนนี้ ชาวอเมริกันชนชั้นกลางจำนวนมาก ประสบความยุ่งยากในค่าใช้จ่าย ทั้งค่าเช่าบ้านและอาหาร
Paulsom มองว่า เงินเฟ้อกำลังลดลง แต่ภาครัฐควรทำมากกว่านี้ อย่างเฟดที่ลดดอกเบี้ยไปก็เพราะเชื่อว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัว
แฮร์ริสดีเบท อ้างอิงถึงชนชั้นกลาง ว่า จะทำให้พวกเขาถูกยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ และเธอเข้าใจความรู้สึกของพวกเขา แต่ไม่มีใครซื้อคำพูดนี้ เพราะวอร์เรน บัฟเฟตต์ กำลังเทขายหุ้นแล้วตุนเงินสด อีลอน มัสก์ บอกว่า บัฟเฟตต์ มีแผนรับมือความเลวร้ายขั้นสุดที่อาจเกิดขึ้น และหากแฮร์ริสชนะเลือกตั้ง ทุกที่ในสหรัฐจะกลายเป็นแบบแคลิฟอร์เนีย ที่เกิดความวุ่นวาย แต่สถานการณ์จะแรงกว่า
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://www.cryptopolitan.com/billionaires-pull-money-kamala-harris-wins/
© Copyright 2020, All Rights Reserved