27/4/2024

ในขณะที่ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น นักลงทุนบางรายกำลังเตรียมพร้อมสำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะ 10 ปี ที่จะทะลุ 5% ที่เคยทำระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว

ล่าสุดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10ปีอยู่ที่ระดับ 4.663% เทียบกับพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีที่ ให้ผลตอบแทน 2.769%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับราคา ได้เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อที่คงอยู่ทำให้เกิดคำถามว่าธนาคารกลางสหรัฐจะสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้ลึกแค่ไหน โดยไม่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 80 จุดในปีนี้ และได้ไปถึงระดับ 4.70% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ก่อนที่จะปรับตัวลงเล็กน้อยมาในวันศุกร์ที่ผ่านมา

นักลงทุนจำนวนมากกำลังเดิมพันว่าราคาพันธบัตรจะอ่อนตัวลงจากแรงกดดันของยิลด์ ในการสำรวจ BofA Global Research ครั้งล่าสุดของผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ทั่วโลกมีการปรับพอร์ตลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2003

“ทุกอย่างสรุปได้เป็นคำเดียวว่า อัตราเงินเฟ้อ หากตลาดไม่เห็นสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อถูกจำกัดไว้ ก็ไม่มีเหตุผลใดที่อัตราผลตอบแทนจะไม่สูงขึ้นต่อไป” ดอน เอลเลนเบอร์เกอร์ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของ Federated Hermes กล่าว

เขาคาดว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี อาจจะไปถึง 5.25%

จากรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ Personal Consumption Expenditures ของสหรัฐในเดือนมีนาคม ปรากฏว่าอยู่ที่ระดับ 2.8% เมื่อเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว  ตัวเลขเงินเฟ้อที่ร้อนแรงนี้ตอกย้ำว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในระยะสั้นมีโอกาสน้อยลง

“ข้อมูลวันนี้หมายความว่าจะต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะได้ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่ดีก่อนที่เฟดจะสบายใจกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง” เพรสตัน คาลด์เวลล์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ของมอร์นิ่งสตาร์ กล่าว

ตลาดมีการกำหนดว่ามีโอกาส 45% ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายน หลังจากที่ถอยห่างจากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมหรือมิถุนายน

ก่อนสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนยังคงมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม ขณะนี้มีโอกาสอยู่ที่ 66% ที่ธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้คงที่ในเดือนนั้น

ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูง และโอกาสที่น้อยลงของธนาคารกลางสหรัฐที่จะลดดอกเบี้ยจะมีผลกระทบต่อตลาดการเงินตลาดทุน เพราะว่าถ้าผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสูงกว่า5%จะทำให้เม็ดเงินบางส่วนถูกโยกออกจากตลาดหุ้น รวมทั้งตลาดทองคำที่ไม่มีผลตอบแทน เพื่อลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่า

นอกจากนี้ความแตกต่างของดอกเบี้ยดอลลาร์ และดอกเบี้ยของเงินสกุลอื่นรวมทั้งสกุลบาททำให้เกิดแรงกดดันของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินสกุลทั่วโลก ก่อนหน้านี้ Bank of America คาดการณ์ว่าเงินบาทจะอยู่ที่ 37 บาทต่อดอลลาร์ทั้งปี

IMCT News

ที่มา Agencies