ขอบคุณภาพจาก irrawaddy
24.04.2024
ตามการระบุของกองกำลังฝ่ายต่อต้านชาวกะเหรี่ยง รัฐบาลทหารเมียนมาได้ส่งทหารมากกว่า 1,000 นายเพื่อยึดคืนเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญบริเวณชายแดนไทย สะท้อนให้เห็นถึงการสู้รบที่น่าจะดุเดือดขึ้นในไม่ช้า
เมืองเมียวดี ได้รับการปลดปล่อยเมื่อวันที่ 10 เมษายน เมื่อกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) และกองกำลังพิทักษ์ประชาชน (PDFs) ซึ่งเป็นพันธมิตรได้ยึดฐานที่มั่นสุดท้ายที่เหลืออยู่ของรัฐบาลทหารเมียนมา หลังกองทหารเมียนมาได้ล่าถอยไป
หลังถูกยึดเมือง กองกำลังทหารเมียนมาเกือบ 500 นาย จากกองพลทหารราบที่ 55 ซึ่งมีฐานอยู่ในพะอัน เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ถูกส่งไปประจำการอีกครั้งที่เมืองกอกะเร็ก ซึ่งอยู่ห่างจากเมียวดีไปทางตะวันตกเพียง 26 ไมล์ (41 กิโลเมตร) ทั้งสองเมืองถูกคั่นด้วยแนวเขาดาวนา
ส่งผลให้กองกำลังฝ่ายต่อต้านต้องถอยร่นออกจากเมืองกอกะเร็กเมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ขบวนรถของกองทหารราบเมียนมาจำนวน 30 คันได้เข้ามาเสริมกำลังเพิ่ม ก่อนที่มีการคาดว่า จะมีการโจมตีตอบโต้เพื่อยึดเมียวดีคืน
สมาชิกกลุ่มต่อต้าน 4 คนถูกสังหารในช่วงที่เข้าไปสกัดกองกำลังจากเมียนมา จากการอ้างอิงของหน่วยรบ Albino Tiger Company-1 ซึ่งเข้าร่วมการโจมตีครั้งนี้
แต่มีรายงานว่า การซุ่มโจมตีโดยกองกำลังต่อต้าน ก็ได้หยุดยั้งการรุกคืบของกองทัพเมียนมา ที่ฐานที่มั่นบริเวณภูเขาดาวนาไว้ได้
“พวกทหารเมียนมามาจากทุกทิศทุกทาง และอาจมีนับพันคนด้วย” สมาชิกกลุ่มต่อต้านคนหนึ่งบอกกับสื่อของอิระวดีเมื่อวันจันทร์ที่ 22 เมษายน พร้อมกล่าวว่ากองทหารเมียนมาใช้สามเส้นทางผ่านแนวเขาดาวนาเพื่อไปยังเมียวดี ได้แก่ ทางหลวงสายเอเชีย ถนนเส้นเก่า และตามแนวป่า
เมียวดีมีการค้าขายมากถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.6 หมื่นล้านบาท) ในปีที่แล้ว ( 2023 )
สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) ซึ่งเป็นปีกการเมืองของ KNLA ได้ออกมาเตือนเมื่อวันที่ 18 เมษายนว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้เปิดฉากตอบโต้ โดยใช้ชื่อปฏิบัติการออง ซียา เพื่อยึดเมียวดีคืนมา แต่กองกำลังต่อต้านร่วมได้สกัดกั้นและสังหารทหารเมียนมาที่เข้าร่วมปฏิบัติการไปกว่า 100 นาย
พันเอก ซอว์ นัล ดาร์ ทู ผู้บัญชาการทางด้านยุทธศาสตร์ประจำกองพันที่ 6 ของ KNU กล่าวว่า“ตอนนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันใกล้กับภูเขาดาวนา” และมีทหารเมียนมา 6 นาย รวมทั้งร้อยเอก 1 นาย ถูกสังหารในการปะทะกันเมื่อวันอาทิตย์ 21 เมษายนที่ผ่านมา กองกำลังต่อต้านยังยึดรถหุ้มเกราะ 1 คัน รถตู้ของกองทัพเมียนมา 2 คัน พร้อมด้วยปืนกล และกระสุน
นักวิเคราะห์ในพื้นที่สงสัยว่ากองกำลังเมียนมาจะรุกคืบไปถึงเมียวดีได้หรือไม่ โดยกล่าวว่า “ตอนนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งสัปดาห์แล้ว (นับตั้งแต่ที่พวกเขาเริ่มความพยายามในการไปถึงเมียวดี] แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้ท่ามกลางความสูญเสีย เลยสงสัยว่าจะบรรลุภารกิจได้หรือไม่” พร้อมเสริมว่า แม้กองทัพเมียนมาจะสามารถข้ามเขาได้ แต่ก็ต้องเผชิญกับการซุ่มโจมตีหลายครั้งระหว่างทางที่ไปเมียวดี
การซุ่มโจมตีเมื่อวันอาทิตย์เกิดขึ้นหลังจากที่ KNLA และพันธมิตรโจมตีทหารที่เหลือของกองทัพเมียนมส ซึ่งพักพิงอยู่ที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมาร์แห่งที่ 2 ในเมืองเมียวดี เมื่อวันศุกร์และเสาร์ที่ผ่าน ( 19 – 20 เมษายน )
รัฐบาลทหารเมียนมาจึงตอบโต้ด้วยการโจมตีทางอากาศที่ทำให้พลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อยเจ็ดคน และบีบให้ผู้คนเกือบ 3,000 คนต้องหลบหนีข้ามชายแดนเข้าสู่ประเทศไทย
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา KNU กล่าวว่าการปะทะใกล้สะพานได้สังหารทหารเมียนมาไปแล้วกว่า 30 นาย และบาดเจ็บอีก 30 นาย รวมถึงพันเอก โซ มิน ตัน ผู้บัญชาการกองพลที่ 44 ด้วย
แต่ไม่มีรายงานการต่อสู้ภาคพื้นดินนับจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในขณะที่กองกำลังต่อต้านร่วมได้ล่าถอยออกจากเมือง
สถานการณ์พลิกผันหลังจาก พันเอกซอ ชิตตู ผู้บัญชาการ กองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ หรือ BGF (Border Guard Force) ซึ่งต้นกำเนิดมาจากทหารพุทธที่แยกตัวออกจาก กองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยง (KNU)
ล่าสุดได้กลับลำหันมาช่วยเหลือกองทัพเมียนมา โดยช่วยกำลังทหารกองพัน 275 ที่เหลือและหลบหนีมาปักหลัก บริเวณเชิงสะพานมิตรไทย-เมียนมาแห่งที่ 2 กลับเข้าไปยังฐานที่มั่นเดิมบนฐานปฎิบัติการกองพัน 275 แล้ว
หลังจากรัฐบาลทหารเมียนมาประกาศจะเข้าโจมตีทางอากาศในพื้นที่ชเวก็กโก ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของBGF และเมืองเมียวดี เพื่อยึดเมียวดีคืนจากกองกำลังผสมกระเหรี่ยง 3 ฝ่าย
By IMCT NEWS