13/6/2024
อนาคตของดอลลาร์สหรัฐจะเป็นอย่างไรหลังจากที่ซาอุดีอาระเบียตัดสินใจไม่ต่ออายุข้อตกลง ‘เปโตรดอลลาร์’ ข้อตกลงที่ต้องขายน้ำมันเป็นเงินสกุลดอลลาร์นี้มีมานาน50ปี และหมดอายุลงในที่9 มิ.ย.2024ที่ผ่านมา สื่อทั่วไปไม่ได้ให้ความสำคัญกับข่าวนี้ ทั้งๆที่การไม่ต่ออายุเปโตรดอลลาร์ของซาอุดิ อาราเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก จะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสถานภาพการเป็นเงินสกุลหลักของโลกของดอลลาร์ และจะกระทบตลาดพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งตลาดเงินตลาดทุน ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของระบบการเงินโลก
ความขัดแข้งในภูมิรัฐศาสตร์โลก และสงครามอิสราเอลทำให้ซาอุดิ อาราเบียอยู่ในฐานะลำบากในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ และความมั่นคง รวมทั้งนโยบายน้ำมันที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ซาอุดิอาราเบียรู้แก่ใจว่าการขายน้ำมันผ่านเงินสกุลดอลลาร์จะสร้างความเสี่ยงที่ใหญ่หลวงต่อเสถียรภาพของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศในอนาคต เนื่องจากสหรัฐมีการก่อหนี้โดยไม่มีเพดาน และไม่มีความตั้งใจที่จะจ่ายคืนหนี้ที่อยู่ในระดับที่สูงมาก ยกเว้นการโรลโอเวอร์หนี้ไปเรื่อยๆด้วยการออกพันธบัตรชุดใหม่ไปทดแทนพันธบัตรชุดเก่า หรือการพิมพ์ดอลลาร์ใหม่เพื่อจ่ายหนี้ดอลลาร์เก่า ซึ่งจะมีผลทำให้ค่าเงินดอลลาร์เสื่อมลง
นอกจากนี้เงินดอลลาร์เป็นกระดาษเปล่าๆที่ไม่มีทองคำหรือทรัพย์สินอะไรหนุนหลัง ในขณะที่กลุ่มBRICSที่ซาอุดิอาราเบียเข้าร่วมเป็นสมาชิกกำลังออกจากระบบดอลลาร์ (de-dollarization) และกำลังผลักดันระบบการเงินใหม่ที่ต้องใช้ทองคำ หรือสินค้าโภคภัณฑ์หนุนหลังค่าเงิน ทำให้แนวโน้มของระบบเงินกระดาษ (fiat money)จะไม่มีความยั่งยืนต่อไป
ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียกล่าวว่าการที่สหรัฐก่อหนี้ผ่านดอลลาร์กระดาษเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆจากทั่วโลกเท่ากับเป็นการล่าอาณานิคมสมัยใหม่
แต่ที่สำคัญที่สุด สหรัฐได้ติดอาวุธดอลลาร์ ด้วยการยึดเงินทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียไป$300 พันล้านเหรียญ และขับธนาคารของรัสเซียออกจากระบบSWIFTหลังจากเกิดสงครามยูเครน มาตรการที่รุนแรงนี้ทำให้ไม่เพียงแต่ซาอุดิอาราเบียเท่านั้น แต่ประเทศต่างๆทั่วโลกเริ่มไม่มั่นใจที่จะถือครองดอลล่าร์ต่อไป เพราะว่าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่สหรัฐจะเบี้ยวหนี้ ดอลลาร์ หรือจะยึดดอลลาร์ของตนไป ถ้าหากมีการดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ออกจากความต้องการของวอชิงตัน ดีซี
แนวโน้ม de-dollarizationนับวันจะมีความเข้มข้น และรุนแรงมากยิ่งขึ้น อันเห็นได้จากธนาคารกลางต่างๆ นำโดยธนาคารกลางของจีน อินเดีย ได้ขายทรัพย์สินดอลลาร์เพื่อซื้อทองคำเข้าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศแทน นี้คือสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ตลาดทองคำกลับมาคึกคักอีกครั้งตั้งแต่ปี2022เป็นต้นมา และราคาทองคำได้ทำสถิติสูงสุดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ระหว่างทองคำ หรือเงินที่แท้จริงกับดอลลาร์ หรือพันธบัตรดอลลาร์ที่เป็นหนี้ และมีความเสี่ยงของการผิดนัดชำระ หรือการอายัต นักลงทุนเริ่มที่จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ข้อตกลงเปโตรดอลลาร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อตกลงความมั่นคงที่ซาอุดิอาราเบียลงนามกับสหรัฐในวันที่ 8 มิถุนายน ปี 1974ในยุคของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 2 คณะ คณะหนึ่งเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และอีกคณะหนึ่งเกี่ยวกับความต้องการทางทหารของซาอุดีอาระเบีย
หลังจากการล่มสลายของระบบ Bretton Woods และระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ในปี 1971 ดอลลาร์มีอนาคตที่มืดมน เนื่องจากไม่ได้อิงกับทองคำอีกต่อไป การใช้จ่ายที่เกินตัวของรัฐบาลสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสงครามเวียดนาม และงบประมาณสวัสดิการสังคมทำให้ต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยอรมันกับฝรั่งเศสไม่มั่นใจในการถือครองดอลลาร์ที่มีการเพิ่มปริมาณ และมีผลทำให้ดอลลาร์เสื่อมค่าลง จึงเอาดอลลาร์ไปแลกทอง จนทำให้ทองคำสำรองของสหรัฐลดลงเหลือ 8,000 กว่าตันจาก20,000ตัน สหรัฐจึงตัดสินใจเบี้ยวหนี้ด้วยการยกเลิกการไถ่ถอนทองคำตั้งแต่นั้น
เพื่อที่จะกู้ภัยดอลลาร์ เฮนรี่ คิสซิงเจอร์ ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงสหรัฐในเวลานั้น จึงวางแผนที่จะหาทางสร้างดีมานด์ดอลลาร์เทียมเพื่อให้ดอลลาร์รักษาสถานภาพเป็นเงินสกุลหลักโลกต่อไป เพราะว่าดอลลาร์ไม่ได้อิงกับทองคำหลังจากสหรัฐยกเลิกระบบการเงินBretton Woods
ในระบบBretton Woodsที่สร้างขึ้นในปี 1944 ดอลลาร์ถูกกำหนดให้อิงกับทองคำที่อัตรา$35ต่อหนึ่งออนซ์ สหรัฐเป็นผู้ชนะสงครามโลก และเป็นเจ้ามือเศรษฐกิจโลก เนื่องจากมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุด และเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าในทุกด้านนำหน้าประเทศอื่นๆจึงอยู่ในฐานะที่เป็นผู้กำหนดระเบียบการเงินลกใหม่หลังWW2 ภายใต้ระบบBretton Woodsประเทศต่างๆผูกค่าเงินกับดอลลาร์ ทำให้ผูกกับทองคำโดยอัตโนมัติในระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ ที่การเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนมีน้อยมาก ไม่เหมือนกับระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวในทุกวันที่ที่ค่าเงินขึ้นลงอย่างหวือหวารายวัน หรือรายชั่วโมง
คิสซิงเจอร์วางแผนเอาบ่อน้ำมันของซาอุดิอาราเบียและตะวันออกกลาง มาหนุนหลังดอลลาร์แทน โดยบีบให้ซาอุดิอาราเบียขายน้ำมันเป็นเงินสกุลดอลลาร์อย่างเดียว แลกกับการที่สหรัฐจะขายอาวุธให้ซาอุดิอาราเบีย และให้ความคุ้มครองราชวงศ์ซาอุ คิสซิงเจอร์เดินทางไปเยือนซาอุฯ
ในปี 1973 เพื่อมีการพูดคุยกับกษัตริย์ไฟซาลของซาอุฯและยื่นข้อเสนอที่ซาอุดิอาราเบียมิอาจจะปฏิเสธได้
ในช่วงนั้นเวลานั้นซาอุดิอาราเบีย และกลุ่มประเทศโอเปคดำเนินนโยบายแซงชั่นสหรัฐและยุโรป ด้วยการไม่ขายน้ำมันให้เพราะว่าไปหนุนอิสราเอลในสงครามในตะวันออกกลาง
คิสซิงเจอร์ต้องการแก้ปัญหาการแซงชั่นน้ำมัน ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มประเทศอาหรับ
คิสซิงเจอร์ต้องการฟื้นความมั่นใจในดอลลาร์กระดาษ และต่ออายุดอลลาร์กระดาษ ด้วยการยื่นข้อเสนอดังนี้
ซาอุฯ ขายน้ำมันโดยเอาดอลลาร์เพียงสกุลเดียว เงินสกุลอื่นห้ามรับ
2. สหรัฐจะขายอาวุธสงครามให้ซาอุฯ และปกป้องความมั่นคงของราชวงศ์ซาอุจากภัยของสงคราม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะการันตีว่าอิสราเอลจะไม่โจมตีซาอุฯ
3. เมื่อซาอุฯขายน้ำมันได้ดอลลาร์แล้ว ให้เอาดอลลาร์นั้นรีไซเกิลกลับไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพื่อเอาดอลลาร์เป็นรีเสิร์ฟ แทนทองคำ
กษัตริย์ไฟซาลจำใจยอมรับข้อเสนอของสหรัฐภายใต้แรงกดดัน โดยรัฐบาลซาอุดิอาราเบียกับรัฐบาลสหรัฐเซ็นข้อตกลงสองฉบับที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความมั่นคง
นาย Jim Rickards ซีไอเอทางการเงินของสหรัฐออกมาเปิดเผยภายหลังว่า เขาอยู่ในทีมที่แอบเดินทางไปเจรจากับซาอุฯ โดยมีการยื่นเงื่อนไขไม้ตายว่า ถ้าซาอุฯไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ สหรัฐจะส่งกองกำลังทหารเข้าไปบุกยึดบ่อน้ำมันของซาอุฯไปเลย
เปโตรดอลลาร์จึงถือกำเนิดขึ้นในปี 1974 ในขณะที่วิกฤติการน้ำมัน และเงินเฟ้อกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจโลก ต่อมาในปี 1975 ประเทศในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันของโอเปคก็ตกลงที่จะขายน้ำมันเป็นเงินสกุลดอลลาร์อย่างเดียว
ทำให้เกิดวลีที่ว่าแลกดอลลาร์กับน้ำมัน (dollar for oil)
เปโตรดอลลาร์ปลุกชีพให้ดอลลาร์ฟื้นขึ้นมาจากกองเถ้าถ่านอีกครั้งหลังจากระบบ Bretton Woods ล่มสลาย
เพราะว่าเปโตรดอลลาร์สร้างดีมานด์เทียมของดอลลาร์ขึ้นมา ทุกๆ ประเทศ รวมทั้งประเทศไทยต้องซื้อน้ำมันต้องบริโภคน้ำมันเพื่อใช้น้ำมันในการพัฒนาเศรษฐกิจ เมื่อต้องซื้อน้ำมันจึงจำเป็นต้องขายสินค้าหรือบริการเพื่อให้ได้ดอลลาร์
แล้วเอาดอลลาร์นั้นไปซื้อน้ำมันของซาอุฯและโอเปค ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก
แต่ดอลล่าร์กระดาษก็ยังคงเป็นดอลล่าร์เทียมอยู่วันยังค่ำ ในเวลานี้ หรือ 50ปีหลังจากสิ้นสุดข้อตกลงเปโตรดอลลาร์ ซาอุดิอาราเบีย ภายใต้การนำของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ต้องการออกจากอิทธิพลของดอลลาร์ และไม่ประสงค์ที่จะเซ็นข้อตกลงที่จะต่ออายุเปโตรดอลลาร์ ที่ผ่านมาซาอุดิอาราเบียแอบสำสัญญาขายน้ำมันให้จีนในรูปสกุลเงินหยวนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการผิดสัญญาเปโตรดอลลาร์ แต่ไม่ผิดสัญญาก็ไม่ได้ เพราะว่าความเสี่ยงในการถือครองดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศของซาอุดิอาราเบียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากฐานะการเงินของสหรัฐที่รอวันล่มสลาย และจากสงครามตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้น
ขณะนี้สหรัฐพยายามบีบบังคับให้ซาอุดิอาราเบียเซ็นต่ออายุข้อตกลงเปโตรดอลลาร์ และข้อตกลงทางความมั่นคงไปด้วย โดยมีเงื่อนไขว่า ซาอุดิอาราเบียต้องเปิดสัมพันธไมตรีทางการทูตกับอิสราเอลด้วย แต่สงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาส การสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ในฉนวนกาซ่าของอิสราเอล สงครามระหว่างอิสราเอลกับพวกฮิสบอเลาะห์ในเลบานอน และสงครามระหว่างอิสราเอลกับพวกฮูตีในเยเมน บวกกับโอกาสที่จะเกิดสงครามใหญ่ระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ทำให้ซาอุดิอาราเบียวางตัวลำบาก
ถ้าหากซาอุดิ อาราเบียยังคงอยู่ฝั่งสหรัฐ และเปิดสัมพันธ์กับอิสราเอล จะถูกอิหร่าน ซีเรีย อิรัค ฮิสบอเลาะห์ ฮูตีเล่นงาน เป็นที่ทราบกันดีว่ารัสเซียและจีนให้การสนับสนุนอิหร่านอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน ถ้าซาอุดิอาราเบียต้องการออกจากอิทธิพลของเปโตรดอลลาร์ และการการันตีความมั่นคงของสหรัฐไปอยู่ฝั่งอิหร่าน รัสเซียและจีน มีความเสี่ยงที่ซาอุดิอาราเบียจะถูกสหรัฐส่งออกประชาธิปไตย ซึ่งอาจจะนำไปสู่การล่มสลายของซาอุดิอาราเบียในที่สุด
ซาอุดิอาราเบียจะทำอย่างไรดีในเวลานี้ เพราะว่าจะเดินหน้าไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่ได้
By Thanong Khanthong, Editor
IMCT News