ขอบคุณภาพจาก RT
25/9/2024
บทความของ Josip Kokanovic’ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของ Centra Zlata และเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นนำด้านโลหะมีค่าในโครเอเชีย ระบุว่า BRICS คือกลุ่มที่รวมตัวกันมาในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 และยิ่งนับวัน ศักยภาพของกลุ่มนี้ก็ดูจะเทียบเคียงกับกลุ่มอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ชาติ หรือ G7 ได้มากขึ้นเรื่อยๆ
นับจากปี 2006 BRICS พยายามจะร่วมมือกันด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ถึงกับจัดตั้งสถาบันการเงินคู่ขนานกับชาติตะวันตกขึ้นมาในเวทีโลก โดยเมื่อปี 2014 BRICS จัดตั้งธนาคาร New Development Bank และ Special Liquidity Mechanism หรือ CRA ใช้เป็นกลไกเสริมสภาพคล่องเป็นกรณีพิเศษ เพื่อลดอิทธิพลของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก
สมาชิกกลุ่ม BRICS เพิ่มการค้าระหว่างกัน โดยใช้สกุลเงินของตัวเองให้มากขึ้น แทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะกับการซื้อขายน้ำมัน เพื่อลดผลกระทบจากระบบเปโตรดอลลาร์ ที่ให้ดอลลาร์สหรัฐใช้เป็นสื่อกลางในการซื้อขายน้ำมันเป็นหลัก
ปัจจุบัน จีนทำการค้ากับอิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย และเวเนซุเอลาโดยใช้เงินหยวน และมีแนวโน้มจะทำในแบบเดียวกันนี้กับอดีตสมาชิกกลุ่มโอเปก อย่าง กาตาร์และอินโดนีเซีย
ด้านประธานาธิบดี ลูลา ของบราซิล ก็เสนอให้ใช้สกุลเงินร่วมในการค้าระหว่างกลุ่ม BRICS กับกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคอเมริกาใต้ หรือ Mercosur
ในช่วงกว่า 20 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนการค้าโลกที่อยู่ในรูปเงินดอลลาร์คิดเป็น 71% แต่ปัจจุบัน สัดส่วนมีน้อยลงแล้ว เหลือแค่ 58.4% แสดงว่า กระแสถอยห่างดอลลาร์ยิ่งแจ่มชัด ทั้งที่ดอลลาร์ยังคงเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศของโลก และเป็นเช่นนี้มานานหลายสิบปีแล้ว แต่ปัญหาก็คือ ยิ่งวันเวลาผันผ่านไป ดอลลาร์ก็จะไหลกลับไปอยู่ในประเทศสหรัฐมากขึ้น อาจก่อให้เกิดเงินเฟ้อพุ่งสูงได้
เมื่อไม่นานมานี้ มีข้อเสนอและการประกาศเรื่องการเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลร่วมที่เชื่อมโยงกับทองคำและสินแร่หายากอื่นๆ เป็นประเด็นที่ได้ยินบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ จากกลุ่ม BRICS
ผลวิจัยล่าสุด โดย CrossBorder Capital บริษัทในลอนดอน ระบุว่า การที่กลุ่ม BRICS แนะให้ใช้ระบบมาตรฐานทองคำ จะถือเป็นเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดจากมุมมองด้านการเงินโลก นับจากระบบนี้ได้เคยถูกยกเลิกไปแล้วเมื่อปี 1971 ในประเทศสหรัฐ
ธนาคารกลางของกลุ่ม BRICS และประเทศอื่นๆ ต่างแห่ตุนทองเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ซึ่งก็ดูเหมือนว่า ทองคำที่พวกเขาถือครองอยู่จะแซงหน้าสหรัฐไปแล้ว ประเทศเหล่านี้มองว่า มันไม่สมเหตุสมผลอีกต่อไปที่จะทำการค้าโดยใช้เงินดอลลาร์ ซึ่งดูเหมือนกระดาษไร้ราคามากขึ้นเมื่อวันเวลาผันผ่านไป ดอลลาร์สหรัฐนับจากปี 1971 ซึ่งถือเป็นเงินกระดาษที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง จนถึงบัดนี้ ก็ได้เสื่อมมูลค่าไปแล้ว 86.6%
BRICS ยังต้องการลดการพึ่งพาประเทศสหรัฐ และต้องการจะถอยห่างจากดอลลาร์สหรัฐทีละเล็กทีละน้อย และเนื่องจากยังไม่มีแนวโน้มว่า กลุ่ม BRICS จะยอมรับให้สกุลเงินใดได้ขึ้นมาใช้แทนที่ดอลลาร์สหรัฐอย่างแท้จริง จึงต้องใช้ทองคำมาแก้ปัญหาไปก่อน เพราะทองคำเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ถ้า BRICS และประเทศอื่นๆ มีแผนร่วมมือกันใช้ระบบมาตรฐานทองคำ ก็จะทำให้ธนาคารกลางแห่ตุนทองคำเพิ่มอีก ส่วนกระแสถอยห่างดอลลาร์ ก็จะยิ่งมีมากขึ้น ก่อให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อทับถมไปที่สหรัฐอีก ซึ่งเศรษฐกิจสหรัฐก็เข้าใกล้ภาวะถดถอยเข้าไปทุกที และสิ่งนี้จะทำให้นักลงทุนแห่ลงทุนในทอง เพื่อปกป้องมูลค่าทรัพย์สินของตนเอง ราคาทองคำจึงน่าจะดีดขึ้นครั้งมโหฬาร ใครที่เคยบอกว่า ทองคำเป็นสิ่งล้าสมัยและฟุ่มเฟือยเกินไปสำหรับโลกยุคใหม่ ก็เห็นทีจะเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ไม่กว้างไกล และไร้เสียงสาเสียจริงๆ
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://www.centarzlata.com/en/brics/