6/3/2024
ไทยเป็นหนึ่งใน30กว่าประเทศในปีนี้ที่ได้แสดงเจตน์จำนงที่จะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกลุ่มบริกส์ (BRICS) ซึ่งมีเป้าหมายต้องการสร้างระเบียบการเงิน และระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่
การสมัครเป็นสมาชิกของบริกส์นับว่าเป็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญที่สุดของประเทศไทยนับตั้งแต่การสิ้นสุดยุคสงครามเย็น ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรง
บริกส์ ซึ่งในปัจจุบันมีสมาชิกที่ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ อิหร่าน ซาอุดิ อาราเบีย ยูเออี อิยิปต์ และเอธิโอเปียต้องการเห็นพัฒนาการของระบบโลกไปสู่การมีมหาอำนาจหลายขั้ว (multi-polar world) แทนที่จะถูกผูกขาดโดยมหาอำนาจขั้วเดียว(uni-polar world) ผ่านกลุ่มG7 ที่ประกอบด้วยสหรัฐ แคนาดา อังกฤษ เยอรมันนี ฝรั่งเศส อิตาลี และญี่ปุ่น
จะเห็นได้ชัดว่าบริกส์เป็นตัวแทนของประเทศกำลังพัฒนา หรือประเทศที่อยู่ขั้วใต้ (Global South) ที่ต้องการมีปากมีเสียง และมีสิทธิ์ รวมท้ังต้องการเห็นความยุติธรรมในระบบโลกที่มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วที่อยู่ขั้วเหนือ (Global North)ต้องการรักษาสถานภาพเดิม
สัดส่วนของจีดีพีของประเทศกำลังพัฒนารวมกันเทียบเท่า60% ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้วมีสัดส่วนลดลงเหลือ40% สะท้อนให้เห็นว่าประเทศกำลังพัฒนากำลังเข้าสู่ยุครุ่งเรือง โดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ระเบียบหรือกฎเกณฑ์โลกยังคงถูกกำหนดโดยกลุ่มG7
การเข้าร่วมกลุ่มบริกส์ของไทย ซึ่งมีจีนและรัสเซียเป็นผู้นำจะเป็นการเพิ่มพลังอำนาจการต่อรองในระเบียบโลกใหม่สำหรับประเทศกำลังพัฒนาที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมามากมาเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว เราพอสรุปผลประโยชน์ที่ไทยจะได้รับจากการเป็นสมาชิกของบริกส์ดังนี้:
1.ทางด้านการเมืองระหว่างประเทศ จะทำให้ไทยสามารถถ่วงดุลมหาอำนาจได้ และมีความคล่องตัวขึ้นในการบริหารนโยบายความมั่นคง หรือนโยบายต่างประเทศโดยที่ไทยที่มีสัมพันธ์กับสหรัฐอยู่แล้วสามารถสร้างความสัมพันธ์กับบริกส์ที่มีจีนกับรัสเซียเป็นหัวหอกเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศให้ได้มากที่สุด ในขณะที่ในความเป็นจริงไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาเหมือนกับประเทศสมาชิกของบริกส์ เนื่องจากจีนจะเป็นมหาอำนาจโลกในวาระต่อไป มันจึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ที่ไทยต้องมีสัมพันธ์ที่ดีกับจีน ซึ่งในทางภูมิศาสตร์ก็เป็นเพื่อนบ้านกับไทย ในขณะที่สหรัฐ และยุโรปอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์
2. ในทางการเงิน การบริหารเงินบาทต่อไปในอนาคตจะมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้น เพราะว่าประเทศสมาชิกบริกส์ต้องเอาทองคำ หรือทรัพยากรธรรมชาติมาหนุนค่าเงิน เงินบาทจะออกจากระบบเงินเฟียตที่ไม่มีทรัพย์สินที่แท้จริงหนุนหลัง เพราะว่าในเวลานี้เงินบาทถูกหนุนด้วยเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ประกอบด้วยทรัพย์สินดอลล่าร์ ยูโร เยน หรือเงินสกุลคู่ค้าของไทย ส่วนทองคำมีสัดส่วนเพียง7%-8%ของเงินทุนสำรองฯ
ไทยมีความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติ เราสามารถใช้น้ำมัน ก๊าซในอ่าวไทย โปแตซ ลิเทียมที่เพิ่งถูกค้นพบ ทองคำ รวมท้ังข้าวในฐานะผู้ผลิคข้าวรายใหญ่ของโลกมาหนุนค่าเงินบาทได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบดอลล่าร์ หรือระบบเงินกระดาษในปัจจุบันที่ไม่มีเสถียรภาพ และเป็นสาเหตุหลักของการเกิดเงินเฟ้อ
เมื่อเงินบาทเข้าไปอยู่ในระบบบริกส์ ไทยสามารถใช้เงินบาทในการซื้อน้ำมันจากอิหร่าน ซาอุดิ อาราเบีย รัสเซีย หรือใช้เงินบาทซื้อสินค้าจากจีนได้โดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องสำรองดอลล่าร์ เพื่อใช้ดอลล่าร์ในการค้าขายระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกัน รัสเซีย จีน อินเดียสามารถใช้รูเบิ้ล หยวน รูปีตามลำดับในการทำการค้าขาย หรือทำธุรกรรมทางการเงินกับไทยโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านดอลล่าร์
ผลที่ตามมาคือค่าเงินบาทจะมีเสถียรภาพ เพราะว่าปริมาณบาทที่พิมพ์ของมามีทรัพย์สินที่จับต้องได้หนุนหลัง ที่สำคัญต้นทุนทางการเงินของเศรษฐกิจและธุรกิจไทยจะลดลง เนื่องจากความเสี่ยงในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนจะลดลง เพราะว่าค่าเงินจะค่อนข้างคงที่ ยิ่งต่อไปในอนาคต เมื่อบริกส์สามารถสร้างเงินสกุลร่วมได้ เพื่อเป็นเงินรีเสิร์ฟ ไทยสามารถใช้เงินสกุลร่วมบริกส์มาหนุนค่าบาทได้อีกด้วย
ระบบการเงินของบริกส์จะมีความน่าเชื่อถือและมีความมั่นคงมากกว่าระบบการเงินกระดาษ นำโดยดอลล่าร์ปัจจุบันที่มีความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนที่สูง และมีเงินเฟ้อที่ควบคุมไม่ได้จากการขยายตัวของเครดิตและการเพิ่มปริมาณเงินอย่างต่อเนื่อง เพราะว่ามีการเอาภาคการเงินนำภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ทำให้เกิดวิกฤติอัตราแลกเปลี่ยนเป็นระยะๆในวงจรเศรษฐกิจ
บริกส์จะใช้ระบบชำระเงินผ่าน CIPS (Crossborder Interbank Payment System) ของจีน ซึ่งต้องการหลีกเลี่ยงระบบSWIFTที่ตะวันตกดูแลอยู่ ทำให้สามารถแซงชั่นประเทศใดก็ได้ที่ดำเนินนโยบายต่างประเทศที่ขัดแย้งกับตะวันตก
3. ในทางเศรษฐกิจและการค้า ไทยจะได้ประโยชน์มหาศาลจากการเป็นสมาชิกบริกส์ เพราะว่าไทยจะมีตลาดใหม่เกิดขึ้นมากมายมารองรับสินค้าส่งออก แทนที่จะต้องพึ่งพาตลาดหลักอย่างในเช่นปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ญี่ปุ่นหรือยุโรป ซึ่งกำลังเข้าสู่ยุคเสื่อมถอย ต่อไปประเทศแอฟริกา ละตินอเมริกา และประเทศอื่นๆในเอเชียจะทะยอยเข้าร่วมกลุ่มบริกส์ทั้งหมด เพราะว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าที่จะอยู่ในระบบเดิมที่กำลังเสื่อมถอย
ดังที่ได้กล่าวข้างต้น จีดีพีของประเทศกำลังพัฒนาหรือบริกส์มีอัตราการขยายตัวสูงกว่าจีดีพีของG7 นอกจากเรื่องส่งออกแล้ว ไทยยังจะได้ประโยชน์จากการลงทุน เทคโนโลยี การท่องเที่ยว
4. ในด้านพลังงาน ไทยจะสามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานที่บริกส์มีมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย อิหร่าน ซาอุดิ อาราเบีย ตะวันออกกลาง โดยสามารถใช้บาทซื้อพลังงานได้ในราคาที่สมน้ำสมเนื้อ
5. ในด้านโลจิสติกส์ ไทยจะได้ประโยชน์จากระบบขนส่ง และระบบซับไพลเชนที่จีนควบคุมผ่านการพัฒนาโครงสร้างระบบราง และถนนหนทางของเส้นทางสายไหมใหม่ ซึ่งรวมท้ังเส้นทางเดินเรือที่มีท่าเรือสำคัญรองรับทั่วภูมิภาค มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ไทยจะพัฒนาต่อไปโดยไม่ได้อยู่ในระบบซับไพลเชนของบริกส์ที่มีทั้งการผลิตและการขนส่งที่จะมีการเติบโตขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
6. ที่สำคัญที่สุด การเข้าร่วมบริกส์จะทำให้ไทยหันมาดูแลบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่มั่งคั่ง และมีอยู่มากมายอย่างมีประสิทธิภาพ และสะท้อนผลประโยชน์ของส่วนรวมอย่างแท้จริง แทนที่ทรัพยากรธรรมชาติจะถูกกอบโกยโดยนายทุน หรือนักลงทุนต่างประเทศเหมือนอย่างในปัจจุบันผ่านการให้สัมปทาน หรือการออกใบอนุญาตให้ใช้ประโยชน์แลกกับค่าตอบแทนที่ไม่คุ้มค่า
เงินบาทในระบบบริกส์จะต้องสำรองน้ำมัน ก๊าซ โปแตซ ข้าวฯลฯของประเทศมาหนุนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ เมื่อเป็นเช่นนี้ รัฐบาลจะเป็นผู้เล่นหลักในการเป็นเจ้าของ หรือบริหารจัดการทรัพยากรให้มีประโยชน์สูงสุด เพื่อสอดคล้องกับนโยบายการบริหารบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย
โดยสรุปแล้ว ไทยมีแต่ได้กับได้ในการเข้าร่วมบริกส์ ซึ่งจะเป็นการเปิดศักราชใหม่สำหรับการเมืองระหว่างประเทศ ความมั่นคง การเงิน เศรษฐกิจ การค้าการลงทุน โลจิสติกส์ ซับไพลเชน พลังงานของไทย ในขณะที่ผลเสียแทบจะมองไม่เห็น เนื่องจากบริกส์กำลังสร้างระเบียบการเงิน และเศรษฐกิจโลกใหม่ที่จะมีความชัดเจน หรือยุติธรรมมากยิ่งขึ้น
ประเทศเกิดใหม่ในละตินอเมริกา แอฟริกาและเอเชียจะทะยอยเข้าร่วมบริกส์ เพราะเห็นประโยชน์จากการสลัดทิ้งจากระบบเดิมที่นายทุน หรือนักลงทุนต่างชาติมีอำนาจต่อรองเหนือทรัพยากรธรรมชาติของประเทศตัวเอง ที่สำคัญ ไทยจะสามารถทวงคืนอำนาจอธิปไตยในการบริหารนโยบายต่างประเทศ เศรษฐกิจ การเงิน รวมท้ังกลับมาดูแลบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวมมากที่สุด
By Thanong Khanthong, Editor