Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
2/5/2024
จีนกำลังเกิดความยุ่งยาก เมื่อเงินหยวนไม่สามารถเทียบได้กับเงินดอลลาร์สหรัฐซึ่งแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บรรดาผู้ส่งออกของจีนต้องรับมือกับความผันผวนของค่าเงิน ในช่วงที่เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินหยวนที่อ่อนค่าหนักสุดแตะระดับเดียวกับเมื่อเดือนธันวาคม 2023 เรื่องที่เกิดขึ้นกระทบกับภาคธุรกิจของจีน อาจทำให้ผู้ส่งออกขาดทุนหรือกำไรน้อยลง รวมถึงผู้ที่ประกอบกิจการที่ข้องเกี่ยวกับค่าเงินระหว่างประเทศ
รายงานของเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์เมื่อไม่นานมานี้ ระบุว่า ผู้ส่งออกของจีนกำลังหันเหออกจากเงินหยวน แล้วหันไปเก็บเงินดอลลาร์แทน และจะนำดอลลาร์ออกแลกเป็นเงินหยวนเท่าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น แต่โดยส่วนใหญ่ จะพยายามละทิ้งเงินหยวน กลายเป็นพฤติกรรมสวนทางกับสิ่งที่ BRICS พยายามรณรงค์มาโดยตลอด และหวังว่าจะทำให้สำเร็จในปีนี้ ( 2024 ) ก็คือการดันเงินหยวนและสกุลเงินท้องถิ่นอื่นๆ ให้แซงหน้าดอลลาร์สหรัฐ
การเก็บดอลลาร์เป็นทุนสำรองส่วนบุคคลดูเหมือนจะน่าดึงดูดกว่าการเก็บในรูปเงินหยวน พฤติกรรมของผู้ส่งออกในจีนเวลานี้ กำลังทำให้เงินดอลลาร์ยิ่งแข็งค่า ส่งผลให้วาระของ BRICS ที่จะใช้เงินหยวนในการซื้อขายข้ามแดน ต้องถูกทำให้ล่าช้าต่อไปอีก เพราะแม้กระทั่งผู้ส่งออกในจีน ก็ยังไม่ต้องการเงินหยวน เพราะอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
รายงานจากเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ยังระบุว่า เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ห่างกันมากระหว่างจีนกับสหรัฐ เมื่อผู้ประกอบการในจีนส่งออกสินค้า เงินที่ไหลกลับเข้ามา แทนที่จะเข้าประเทศจีน แต่พวกเขากลับเลือกที่จะนำไปฝากยังต่างแดนแทนในรูปเงินดอลลาร์ ซึ่งจะได้ดอกเบี้ยงอกเงยกว่า 5% เทียบกับการฝากในประเทศตัวเองในรูปแบบเงินหยวน จะได้ดอกเบี้ยแค่ 1.5% เท่านั้น พวกเขาจะรอจนกว่า อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินหยวนกับดอลลาร์ดีขึ้น แล้วค่อยแลกเงินดอลลาร์กลับมาเป็นหยวนอีกครั้ง
Bank of America ระบุว่า แม้จะมีการใช้เงินหยวนซื้อขายข้ามแดนมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่บริษัทในจีนกลับเลือกที่จะเก็บเงินในรูปดอลลาร์มากกว่า นับจากธนาคารกลางสหรัฐขึ้นดอกเบี้ยเมื่อปี 2022
นักลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์และโรงงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายแห่ง มองว่า เงินหยวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ทำให้คนจีนจำนวนมาก ต้องรีบไปซื้อทองเก็บไว้ เงินหยวนจะกลับมาแข็งค่าได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาณชัดเจนว่า ท้ายสุดแล้ว ธนาคารกลางสหรัฐจะลดดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
แนวคิดถอยห่างจากดอลลาร์ ซึ่งเริ่มต้นโดย BRICS จึงยากที่จะประสบความสำเร็จเนื่องจากดอลลาร์ยังแข็งค่า และท้ายสุด ผู้ที่ได้รับผลในเรื่องนี้ ไม่ว่า จะดีหรือไม่ดี ก็คือบรรดาผู้ส่งออกและนักธุรกิจ นักลงทุนด้านการเงิน เชื่อว่า เงินหยวนจีนจะยังอ่อนค่าต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้
การส่งออกของจีนลดลง 7.5% เมื่อเดือนมีนาคม เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ( 2023 ) ไปไม่ถึงเป้าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ เงินหยวนอ่อนค่าไปแล้วกว่า 2.1% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2024 สะท้อนให้เห็นว่า BRICS และหยวนจีน ยังยากที่จะสู้กับดอลลาร์สหรัฐได้ในตลาดโลก
By IMCTNews
อ้างอิงจาก https://watcher.guru/news/brics-even-china-exporters-dont-want-the-chinese-yuan
© Copyright 2020, All Rights Reserved