ขอบคุณภาพจาก PBS
26/10/2024
แม้จะยังเป็นที่ถกเถียงกันว่า เกาหลีเหนือที่นำโดยคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ได้ส่งการสนับสนุนทางทหารไปยังรัสเซียเพื่อทำสงครามกับยูเครนหรือไม่ แต่ก็มีความกังวลจากผู้เชี่ยวชาญที่มองว่า การส่งเจ้าหน้าที่ของเกาหลีเหนือไปสนับสนุนการรุกรานยูเครนของรัสเซีย แม้ว่าจะเกี่ยวข้องทางทหารแบบจำกัดหรือโดยอ้อมก็ตาม อาจทำให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเป็นหนี้สาธารณะต่อเปียงยาง ก่อนการพัฒนาดังกล่าวอาจบานปลายไปสู่การสนับสนุนซึ่งกันและกันจากมอสโกต่อความทะเยอทะยานของคิม จองอึน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีชาวเกาหลีเหนือเสียชีวิตในสงครามยูเครน
ด้านหน่วยข่าวกรองจากยูเครนและเกาหลีใต้อ้างว่า มีทหารเกาหลีเหนือจำนวนมากได้รับการฝึกฝนในรัสเซีย เพื่อสนับสนุนความพยายามทำสงครามในยูเครน ขณะเดียวกัน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (23 ต.ค.) นาโตและสหรัฐฯ ยืนยันเป็นครั้งแรกว่า มีหลักฐานว่าทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซีย แต่ยังคงไม่ตัดสินใจว่าจะส่งทหารไปประจำการในสนามรบหรือไม่
วิกเตอร์ ชา ประธานศูนย์การศึกษาด้านยุทธศาสตร์และระหว่างประเทศแห่งเกาหลี กล่าวว่า หากกองกำลังเกาหลีเหนือเข้าร่วมสงครามจริง “อย่างน้อยที่สุด นี่ถือเป็นการแสดงออกทางกายภาพที่สำคัญเชิงสัญลักษณ์” ของการรับประกันความปลอดภัยในการที่มอสโกและเปียงยางฟื้นคืนชีพจากสงครามเย็น
“หากกองกำลังเกาหลีเหนือเสียชีวิตในสงครามแทนรัสเซีย นั่นจะทำให้ปูตินต้องตอบแทนเกาหลีเหนือ”
ระหว่างการเยือนเปียงยางของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซีย เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (2024) ปูตินและผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จองอึน ได้ลงนามในสนธิสัญญาหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม ซึ่งให้คำมั่นว่าทั้งสองประเทศจะต้อง “ให้ความช่วยเหลือทางทหารและความช่วยเหลืออื่นๆ โดยใช้ทุกวิถีทางที่มีโดยไม่ชักช้า” หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเข้าสู่ภาวะสงคราม อันเนื่องมาจากการรุกรานทางทหารของประเทศใดประเทศหนึ่งหรือมากกว่านั้น
ขณะเดียวกัน คิม ดู-ยอน นักวิจัยอาวุโสประจำโครงการความมั่นคงอินโดแปซิฟิกที่ศูนย์ความมั่นคงอเมริกันยุคใหม่ กล่าวว่าเกาหลีเหนืออาจมองเห็นโอกาสในการเรียกร้องประโยชน์จากรัสเซีย แลกกับการสนับสนุนความพยายามในการทำสงคราม
“เกาหลีเหนืออาจพูดว่า ‘คุณเป็นหนี้ฉันนะ รัสเซีย หากทหารของเราบางคนเสียชีวิตในสนามรบ แม้พวกเขาจะเป็นเพียงช่างเทคนิคและวิศวกร’” ซึ่งอิทธิพลของเกาหลีเหนือที่มีต่อรัสเซียอาจนำไปสู่การสนับสนุนความทะเยอทะยานทางทหารของเกาหลีเหนือ
“หากราคาที่รัสเซียต้องจ่ายคืนคือการสนับสนุนการรุกรานทางทหารของเกาหลีเหนือและการกระทำต่อเกาหลีใต้ เราก็มีปัญหาจริงๆ ดังนั้น ฉันคิดว่าการคิดถึงเรื่องนี้ในเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้นอาจช่วยกระตุ้นและกำหนดสิ่งที่เราทำเพื่อตอบโต้ได้” ซิดนีย์ ซีเลอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของศูนย์ยุทธศาสตร์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ หรือ CSIS กล่าว
อีกด้านหนึ่ง ชากล่าวว่า คิม จองอึน ตระหนักดีถึงความต้องการอาวุธ ขีปนาวุธ และกำลังพลของปูติน รวมถึงยังสามารถ “ต่อรองอย่างหนักและขอเทคโนโลยีทางการทหารขั้นสูงสุดที่อาจสร้างปัญหาได้จริง”
ซีเลอร์ยังชี้ให้เห็นอีกว่า การที่ประเทศหนึ่งส่งทหารไปสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารของประเทศอื่นนั้นต้องมี “มิติเชิงยุทธศาสตร์ เชิงสัญลักษณ์ และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” นอกเหนือไปจาก “มิติเชิงปฏิบัติ” ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านหน่วยขีปนาวุธ หรือกองกำลังรบประจำการ ซึ่งเป็นประเภทของการสนับสนุนที่ประเทศเหล่านั้นสามารถมอบให้กับความขัดแย้งได้
“ประเทศหนึ่งอาจส่งกองกำลังสัญลักษณ์ซึ่งอาจมีส่วนร่วมในความขัดแย้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ยังคงส่งข้อความที่ชัดเจนเกี่ยวกับคุณค่าที่พวกเขามอบให้กับความสัมพันธ์และความมุ่งมั่นร่วมกันที่พวกเขามี ทั้งในจดหมายของสนธิสัญญาความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุม” ไซเลอร์ในฐษนะอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองแห่งชาติสำหรับเกาหลีเหนือของสภาข่าวกรองแห่งชาติกล่าว
นอกจากนี้ ไซเลอร์ยังเน้นย้ำถึงมิติเชิงสัญลักษณ์อีกมิติหนึ่งของการมีส่วนร่วมของเกาหลีเหนือในสงครามยูเครน ว่าเป็นสัญญาณของการจัดแนวร่วมกับ “มหาอำนาจที่พยายามแก้ไข” ซึ่งรวมถึงรัสเซีย จีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ
“ประเทศเหล่านี้มีเป้าหมายที่จะโค่นล้มระเบียบโลก เสริมสร้างการปกครองแบบเผด็จการในประเทศ และยังเต็มใจที่จะใช้กำลังในการแสวงหาเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ เกาหลีเหนือต้องการถูกมองว่าเป็นพวกเดียวกันกับกลุ่มประเทศเหล่านี้อย่างชัดเจน และการให้การสนับสนุนรัสเซียในลักษณะนี้ถือเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญ”
แต่ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญก็เห็นด้วยว่า หากเกาหลีเหนือเข้าร่วมสงครามยูเครนจริง จีนอาจรู้สึกไม่สบายใจ โดยคิม ดูยอน กล่าวว่าปักกิ่งกังวลว่าความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและเกาหลีเหนืออาจเพิ่มความตึงเครียด ส่งผลให้สหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกมากขึ้น
ด้านไซเลอร์ชี้ให้เห็นว่า จีนอาจรู้สึกว่าอิทธิพลที่มีต่อเกาหลีเหนืออย่างจำกัดกำลังถูกกัดกร่อนลงจากการสนับสนุนเปียงยางของมอสโก ขณะที่เกาหลีเหนือกระชับความสัมพันธ์กับรัสเซียมากขึ้น
“ดังนั้น ในอนาคต ฉันคิดว่าการที่เกาหลีเหนืออยู่ที่นั่น อาจจะอยู่ในรัสเซีย หรือบางทีอาจจะอยู่ในยูเครนด้วย ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเท่ากับการสนับสนุนที่รัสเซียสามารถให้ได้ ซึ่งจะทำให้เกาหลีเหนือกล้าที่จะกระทำการในลักษณะที่ไม่อาจคาดเดาได้และเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของจีน” ไซเลอร์กล่าว
ขณะที่ความสนใจยังคงมุ่งเน้นไปที่การส่งทหารไปประจำการ คิม จองอึนได้ตรวจสอบฐานขีปนาวุธยุทธศาสตร์ ซึ่งถือเป็นการเปิดเผยครั้งแรก ตามรายงานของสื่อเกาหลีเหนือ โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (23 ต.ค.) ได้มีการเผยแพร่ภาพถ่ายของคิมที่กำลังตรวจสอบขีปนาวุธข้ามทวีปฮวาซอง-18 และฮวาซอง-16Na หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ฮวาซอง-16B ซึ่งเกาหลีเหนืออ้างว่าเป็นขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง
ระหว่างการตรวจสอบ คิมได้เรียกร้องให้เกาหลีเหนือ “เสริมสร้างการยับยั้งสงครามและดำเนินมาตรการตอบโต้กองกำลังนิวเคลียร์อย่างเข้มงวดและละเอียดถี่ถ้วน” โดยอ้างถึง “ภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ที่เกิดจากวิธีการทางนิวเคลียร์เชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ต่อสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงของเกาหลีเหนือ และ “ภัยคุกคามระยะยาว” นอกจากนี้ คิมยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการ “เตรียมฐานทัพทั้งหมดให้พร้อมอย่างเต็มที่เพื่อรักษามาตรการตอบโต้อย่างทั่วถึง เพื่อให้สามารถตอบโต้ด้วยกลยุทธ์ต่อศัตรูได้อย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์”
ด้านฮง มิน นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันเกาหลีเพื่อการรวมชาติ กล่าวว่าการตรวจสอบฐานขีปนาวุธเชิงยุทธศาสตร์ต่อสาธารณชนของคิม จองอึน มีจุดประสงค์เพื่อเป็นสัญญาณที่ชัดเจนถึงศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ เพื่อตอบสนองต่อแรงกดดันทางทหารที่อาจเกิดขึ้นจากสหรัฐฯ นาโต และเกาหลีใต้ หากเกาหลีเหนือส่งทหารไปที่ยูเครน
การเยือนครั้งนี้สอดคล้องกับแถลงการณ์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 ต.ค.) โดยคิม โยจอง น้องสาวของคิม จองอึน ซึ่งประณามทั้งเกาหลีใต้และยูเครนสำหรับ “การยั่วยุทางทหาร” ต่อประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์
“เกาหลีเหนือดูเหมือนจะกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันทางทหารที่อาจเกิดขึ้นจากสหรัฐฯ นาโต และประชาคมโลกที่กว้างขวางขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นจริงเมื่อเกาหลีเหนือประกาศส่งกำลังทหารไปอย่างเป็นทางการ” ซึ่ง “การเปิดเผยดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อเน้นย้ำถึงความสามารถในการยับยั้งของเกาหลีเหนือ นั่นคือ ความสามารถในการตอบโต้สหรัฐฯ” ตามมุมมองของฮง
ฮงอธิบายว่า การเปิดเผยฐานขีปนาวุธเชิงยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนือยังทำหน้าที่เป็น “เครื่องเตือนใจว่าพันธมิตรทางทหารระหว่างเกาหลีเหนือและรัสเซียนั้นเป็นพันธมิตรระหว่างประเทศผู้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์โดยพื้นฐาน” แม้เกาหลีเหนือจะไม่ได้รับการรับรองให้เป็นรัฐผู้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ภายใต้สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ก็ตาม
IMCT News
ที่มา https://asianews.network/north-koreas-support-puts-russian-president-putin-in-its-debt-say-experts/