Thailand
21/8/2024
ประธานาธิบดีไบเดนอนุมัติแผนยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ฉบับใหม่เมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งรวมถึงการเตรียมการสำหรับสงครามนิวเคลียร์พร้อมกันกับรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ ตามรายงานของเดอะนิวยอร์กไทมส์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
ยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ได้รับการปรับเปลี่ยนทุกๆ สี่ปีโดยประมาณ และถูกจัดชั้นเป็นความลับระดับสูง
เดอะนิวยอร์คไทมส์ อธิบายว่ายุทธศาสตร์ใหม่นี้เป็น “สิ่งแรกที่ตรวจสอบในรายละเอียดว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ทางนิวเคลียร์ที่ปะทุขึ้นพร้อมๆ กันหรือตามลำดับ โดยมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์และไม่ใช่นิวเคลียร์ผสมกัน”
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รวมถึงปราเนย์ วาดดี เจ้าหน้าที่ดูแลด้านการควบคุมอาวุธของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ได้แสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ดังกล่าว วาดดีกล่าวเมื่อเดือนมิถุนายนว่า ยุทธศาสตร์ใหม่เน้นย้ำถึง “ความจำเป็นในการป้องกันรัสเซีย [สาธารณรัฐประชาชนจีน] และเกาหลีเหนือไปพร้อมๆ กัน”
กลยุทธ์ดังกล่าวยังมุ่งเน้นไปที่จีนเป็นครั้งแรก เนื่องจากกระทรวงกลาโหมอ้างว่าจีนสามารถเพิ่มคลังอาวุธนิวเคลียร์เป็น 1,500 ลูกภายในปี 2035 ในการประมาณการในปัจจุบัน คลังแสงนิวเคลียร์ของจีนอยู่ที่ประมาณ 500 ลูก
คลังแสงของจีนยังคงเป็นเพียงเศษเสี้ยวของสิ่งที่สหรัฐฯ และรัสเซียครอบครอง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อเดือนกรกฎาคมว่า สหรัฐฯ มีหัวรบ 5,748 ลูก ในจำนวนนี้มี 2,000 ลูกที่เลิกใช้แล้วและรอการถูกปลดระวาง
จากข้อมูลของ Arms Control Association รัสเซียมีหัวรบ 5,580 ลูก ในจำนวนนี้มี 1,200 ลูกที่เลิกใช้แล้วและรอการปลดระวาง
รัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ประจำการ1,549 ลูก และสหรัฐฯ มีหัวรบนิวเคลียร์ประจำการ 1,419 ลูก
สนธิสัญญา New START ระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย จำกัดจำนวนหัวรบที่ 1,550 ลูก แม้ว่าสนธิสัญญาจะถูกยกเลิกลงเนื่องจากความตึงเครียดเกี่ยวกับสงครามในยูเครน ทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งมั่นที่จะอยู่ภายในขีดจำกัดการประจำการอาวุธนิวเคลียร์ แต่ก็ไม่ชัดเจนว่าจะทำต่อไปหรือไม่ เมื่อสนธิสัญญา New START หมดอายุอย่างเป็นทางการในปี 2026
แม้ว่าจีนจะมีหัวรบน้อยกว่าสหรัฐฯ และรัสเซียอย่างมาก แต่การแลกเปลี่ยนนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนก็อาจเพียงพอที่จะยุติชีวิตมนุษย์โลกได้อย่างที่เราทราบกันดี แม้จะมีความเสี่ยงที่สงครามระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะทำให้เกิดการใช้อาวุธนิวเคลียร์อย่างรวดเร็ว แต่เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐฯ กำลังวางแผนอย่างเปิดเผยสำหรับการปะทะโดยตรงกับปักกิ่ง และอ้างว่าสหรัฐฯ สามารถ "ชนะ" ได้
การที่ยุทธศาสตร์นิวเคลียร์มุ่งเน้นไปที่จีนนั้นสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศปี 2022 ของกระทรวงกลาโหม ซึ่งระบุว่าปักกิ่งเป็นภัยคุกคามอันดับต้นๆ ที่สหรัฐฯเผชิญ โดยรัสเซียมาเป็นอันดับสอง
IMCT News
© Copyright 2020, All Rights Reserved