23/5/2024
ตามงบการเงินประจำปีล่าสุด เฟด หรือ ธนาคารกลางของสหรัฐ (Federal Reserve) มีส่วนทุนเพียง 51 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับการขาดทุนทางบัญชีมากถึง 948 พันล้านดอลลาร์จากกทีเข้าไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีอสังหาฯค้ำประกัน ซึ่งหมายความว่า เฟดมีส่วนทุนติดลบ หรือล้มละลายประมาณ 900 พันล้านดอลลาร์
นี่เป็นปัญหาใหญ่ แม้จะมีนักวิชาการหลายคนพยายามพูดปลอบใจตัวเองว่า การขาดทุนสะสมเป็นจำนวนมาก และการล้มละลายทางบัญชีของธนาคารกลางต่างๆในโลก รวมทั้งเฟดไม่มีปัญหา เพราะว่าธนาคารกลางทำหน้าที่ที่ใหญ่กว่าในการดูแลเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและระบบการเงิน เรื่องกำไร/ขาดทุนของธนาคารกลางไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญ
James Hickmanเขียนบทความ “The Fed is already insolvement. Here’s how we think this plays out”ลงในSchiff Sovereignว่า โปรดจำไว้ว่า เฟดยังคงเป็นธนาคาร กล่าวคือ มีภาระผูกพันทางการเงิน หนี้สิน และผู้ฝากที่ต้องชำระ
“ตัวอย่างเช่น ธนาคารพาณิชย์อย่าง JP Morgan และ Bank of America ได้ฝากเงินของลูกค้ารวมทั้งสิ้น 3.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งก็คือเงินของประชาชนไว้กับเฟด และกระทรวงการคลังถือเงินฝากอีก 700 พันล้านดอลลาร์ที่เฟด
“เฟดเป็นหนี้รัฐบาลต่างประเทศ และเป็นหนี้หลายล้านล้านดอลลาร์จากข้อตกลงการซื้อคืนให้กับธนาคารและธุรกิจต่างๆ ทั่วทั้งระบบการเงินทั่วโลก
“เพราะฉะนั้นการล้มละลายของเฟดถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว แต่อย่างน้อยก็ในตอนนี้ยังไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
“แต่ไม่ช้าก็เร็ว ในที่สุดก็จะมีใครบางคนพูดอะไรบางอย่าง... และทำอะไรบางอย่าง... เกี่ยวกับการล้มละลายของเฟดถ้าหากความน่าเชื่อถือของดอลลาร์ลดลงไปเรื่อยๆ
“มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเดิมพันกับเงินดอลลาร์… เช่นเดียวกับที่นักเก็งกำไรเดิมพันกับเงินปอนด์เมื่อสามทศวรรษที่แล้ว และนั่นจะส่งผลให้ค่าของเงินดอลลาร์ลดลง เพิ่มอัตราเงินเฟ้อ และก่อให้เกิดข้อตกลง 'Bretton Woods' ใหม่ ซึ่งหมายความว่า เงินดอลลาร์สหรัฐจะไม่ใช่สกุลเงินสำรองของโลกอีกต่อไป
“ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า อาจมีนักการเงินชาวจีนหรือรัสเซียบางคนที่กลายเป็นที่รู้จักในนาม “ชายผู้ทำลายเฟด" เหมือนกับจอร์จ โซรอสที่ตลาดขนานนามให้เป็นชายผู้ทำลายธนาคารกลางของอังกฤษ
“เฟดล้มละลายไปแล้วกว่า 900+ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามงบการเงินของตนเอง ประกันสังคมล้มละลายแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ล้มละลายหลายสิบล้านล้าน... และพวกเขาคาดการณ์ว่าหนี้ของประเทศจะเพิ่มขึ้นอีก 20 ล้านล้านดอลลาร์ในทศวรรษหน้า
“สิ่งเหล่านี้เป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่จินตนาการ
“และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้จึงสมเหตุสมผลอย่างยิ่งด้วยการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่หายาก มีคุณค่า และไม่มีความสัมพันธ์กับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
“ทองเป็นตัวอย่างที่ดี และอย่างที่เราเคยโต้เถียงกันก่อนหน้านี้ แม้ว่ามันจะใกล้ถึงจุดสูงสุดตลอดกาลแล้ว แต่เราเชื่อว่ามันจะไปได้ไกลกว่านี้มากจากจุดนี้”
By Thanong Khanthong, Editor
IMCT News