Thailand
จีน'พร้อมตอบโต้หากทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้า 60% - ชี้อาจกระทบถือครองพันธบัตรสหรัฐฯ
18-11-2024
Zhu Min (จู มิน) ประธานสถาบันวิจัยการเงินแห่งชาติ มหาวิทยาลัยชิงหัว และอดีตรองผู้ว่าการธนาคารประชาชนจีนและอดีตรองกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับบลูมเบิร์กทีวีว่า จีนพร้อมตอบโต้หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินหน้าตามนโยบายหาเสียงในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 60%
"จีนจะตอบโต้แน่นอนและจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาขององค์การการค้าโลก (WTO) หากทรัมป์และคณะบริหารเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีน 60% ตามที่หาเสียงไว้" นายจู ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสถาบันวิจัยการเงินแห่งชาติ มหาวิทยาลัยชิงหัว กล่าว พร้อมระบุว่าจีนมีหลากหลายมาตรการที่สามารถดำเนินการได้
แม้จะไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดมาตรการตอบโต้ แต่นายจูชี้ว่า การขึ้นภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อค่าเงินหยวนซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยตลาด ทั้งการค้าและกระแสเงินทุน ที่สำคัญจะกระทบต่อการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่อันดับ 2 รองจากญี่ปุ่น โดยถือครองพันธบัตรมูลค่า 775,000 ล้านดอลลาร์
ในอดีต ทรัมป์เคยเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนสูงถึง 25% สำหรับสินค้ามูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ขณะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งกระตุ้นให้ปักกิ่งใช้มาตรการตอบโต้ และปัจจุบันประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ยังคงมาตรการภาษีดังกล่าวไว้เป็นส่วนใหญ่ ล่าสุดในการหาเสียง ทรัมป์ขู่จะเพิ่มภาษีเป็น 60% ซึ่งบลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์ประเมินว่าจะทำลายการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลก
"หากสงครามการค้าขยายวงกว้าง จะเป็นเรื่องยากสำหรับทั้งสองประเทศ ทางที่ดีคือการเจรจาและบรรลุข้อตกลงร่วมกัน เพราะเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่ายต่างเกื้อหนุนกัน" นายจูกล่าว พร้อมชี้ว่าการส่งออกของจีนทั่วโลกเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยพุ่งขึ้นจาก 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2562 เป็นเกือบ 4 ล้านล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม นายจูเผยว่า ปักกิ่งได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อลดการพึ่งพาการค้าและหันมากระตุ้นอุปสงค์ในประเทศมากขึ้น แม้จะต้องใช้เวลาพอสมควร โดยเป้าหมายระยะสั้นของรัฐบาลจีนคือการรักษาเสถียรภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ ลดภาระหนี้ท้องถิ่น และฟื้นฟูความเชื่อมั่นผู้บริโภค ขณะที่เลี่ยงที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับความเพียงพอของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนในการแก้ปัญหาภาวะเงินฝืดที่จีนกำลังเผชิญ
---
ที่มา Bloomerg
© Copyright 2020, All Rights Reserved