ขอบคุณภาพจาก RT

8/6/2024

รอยเตอร์สรายงานความเคลื่อนไหวของซาอุดีอาระเบีย ที่เดินหน้าเข้าร่วมโครงการสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางข้ามพรมแดนที่จีนเป็นผู้นำ ซึ่งถูกมองว่าอาจเป็นอีกก้าวหนึ่งสู่การลดการค้าขายน้ำมันของโลกด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

การดำเนินการดังกล่าวที่ประกาศโดยธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ หรือ บีไอเอส (BIS) ซึ่งดูแลโครงการดังกล่าว จะทำให้ธนาคารกลางของซาอุดีอาระเบียกลายเป็น "ผู้มีส่วนร่วมเต็มตัว" ของ Project mBridge ซึ่งเป็นความร่วมมือที่เปิดตัวในปี 2021 ระหว่างธนาคารกลางของจีน ฮ่องกง ไทย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมระบุว่า mBridge ได้เข้าสู่ระยะ "ผลิตภัณฑ์ขั้นต่ำที่สามารถใช้งานได้" ซึ่งหมายความว่าก้าวข้ามระยะการพัฒนาแล้ว

ประเทศและสหภาพสกุลเงินประมาณ 135 แห่ง ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 98 ของ GDP ทั่วโลก กำลังสำรวจสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง หรือ CBDC แต่เทคโนโลยีใหม่ที่พวกเขาใช้ทำให้การเคลื่อนไหวข้ามพรมแดนท้าทายทางเทคนิคและอ่อนไหวทางการเมือง

"หมายความว่าในปีหน้า คุณคาดหวังได้ว่าจะเห็นการขยายตัวของการชำระเงินสินค้าโภคภัณฑ์บนแพลตฟอร์มนอกเหนือจากดอลลาร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยู่ระหว่างการดำเนินการระหว่างจีนและซาอุดีอาระเบียอยู่แล้ว แต่ตอนนี้มีเทคโนโลยีใหม่เข้ามารองรับ" Josh Lipsky ผู้ที่ติดตาม CBDC ระดับโลกที่ Atlantic Council ในสหรัฐฯ กล่าว

ธุรกรรม mBridge สามารถใช้รหัสที่สร้าง e-yuan ของจีนได้ ซึ่งพร้อมให้สมาชิกผู้สังเกตการณ์อีก 26 รายของโครงการใช้ได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงสาขาธนาคารกลางแห่งนิวยอร์ก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารกลางยุโรป

BIS ยังกล่าวอีกว่าแพลตฟอร์ม mBridge เข้ากันได้กับ Ethereum Virtual Machine ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่เป็นแกนหลักของเครือข่ายที่ใช้โดยสกุลเงินดิจิทัล Ether

"สิ่งนี้ทำให้แพลตฟอร์มนี้สามารถใช้เป็นฐานทดสอบได้" BIS กล่าว ซึ่งผู้สนับสนุน CBDC กล่าวว่าพวกเขาจะปรับปรุงระบบการชำระเงินให้ทันสมัยด้วยฟังก์ชันใหม่ และให้ทางเลือกอื่นแทนเงินสด ซึ่งดูเหมือนว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีคำถามอยู่ว่าเหตุใด CBDC จึงก้าวหน้า ทั้งที่แทบไม่มีการนำ CBDC มาใช้ในประเทศ เช่น ไนจีเรีย ที่นำ CBDC มาใช้แล้ว และยังมีแรงกดดันทางการเมืองและจากสาธารณชนในบางประเทศ ท่ามกลางความกลัวว่า CBDC อาจทำให้รัฐบาลสามารถสอดส่องได้

นอกจากจะครองตลาดโครงการ mBridge แล้ว จีนยังดำเนินการนำร่อง CBDC ในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งปัจจุบันเข้าถึงผู้คน 260 ล้านคน และครอบคลุม 200 สถานการณ์ ตั้งแต่อีคอมเมิร์ซไปจนถึงการจ่ายเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

ขณะที่เศรษฐกิจเกิดใหม่ขนาดใหญ่แห่งอื่นๆ เช่น อินเดีย บราซิล และรัสเซีย ก็มีแผนจะเปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลในอีก 1-2 ปีข้างหน้าเช่นกัน ส่วน ECB ก็เริ่มดำเนินการนำร่องสกุลเงินดิจิทัลสำหรับยูโรก่อนเปิดตัวในปี 2028

ในทางตรงกันข้าม สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมายห้ามธนาคารกลางสหรัฐฯ สร้าง "ดอลลาร์ดิจิทัล" แม้ว่ายังต้องผ่านการลงคะแนนเสียงในวุฒิสภาเพื่อให้กลายเป็นกฎหมายก็ตาม

IMCT News

ที่มา https://www.reuters.com/technology/saudi-arabia-joins-bis-led-central-bank-digital-currency-trial-2024-06-05/