9/4/2024
IMCT NEWS ยังเกาะติดปัญหากากแคดเมี่ยมที่ตรวจพบในโกดังโรงงานในจังหวัดสมุทรสาครผ่านเพจอาจารย์ Sonthi Kotchawat ที่ล่าสุดยังคงเผยแพร่ข้อมูลและข้อเสนอแนะแนวทางการควบคุมกากแคดเมี่ยมในหลายประเด็น
เพจ Sonthi Kotchawat ระบุว่า จุดอ่อนของระบบกำกับการจัดการกากอุตสาหกรรมอันตราย กรณีกากแคดเมี่ยม
1.ระบบการอนุญาตให้นำกากอุตสาหกรรมออกจากโรงงานก่อกำเนิดและโรงงานรับการจัดการกากปลายทางมีปัญหา กรณีนี้โรงงานต้นทางคือ บริษัท เบาด์แอนด์บียอนด์ จำกัด จ.ตากจะต้องยื่นขออนุญาตเพื่อนำกากแคดเมี่ยมออกไปจัดการกับสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด หรือ กรอ.ก่อนสิ้นปี (สก.2เดิม) ว่า มีประเภทอะไรบ้าง ปริมาณเท่าใด ขนออกไปที่ไหนบ้าง ขนออกเดือนไหนบ้าง รวมทั้งโรงงานรับจัดการปลายทาง คือโรงงานบริษัทเจแอนด์บีเมททอลจำกัด จ.สมุทรสาคร จะต้องมีการเซนต์รับรองด้วยว่า สามารถจัดการกากดังกล่าวได้ เช่น กำจัดหรือรีไซเคิลได้จริง ดังนั้นหน่วยงานอนุญาตย่อมรู้ว่าเป็นกากแคดเมี่ยมที่อันตรายและเงื่อนไขใบอนุญาตห้ามขุดหรือขนย้ายออกและโรงงานปลายทางเป็นโรงงานที่ได้รับอนุญาตรีไซเคิลและหลอมอลูมิเนี่ยมไม่ใช่สังกะสีแคดเมี่ยมแต่ไปอนุญาตได้อย่างไร เพราะผิดกฎหมายชัดเจน
2.ขณะที่ขนส่งกากออกรถยนต์ที่ขนต้องติดตั้ง GPS ส่งสัญญาณไปยังหน่วยงานอนุญาตและใช้ใบกำกับการขนส่ง หรือใบ manifest ที่ต้องรายงานต่อหน่วยงานอนุญาตทางอิเล็กทรอนิคส์ทั้งหมดว่า มีกากออกจากต้นทาง และรับปลายทางปริมาณและชนิดตรงกันหรือไม่ แต่กลับมีกากแคดเมี่ยมขนไปยังโรงงานของบริษัท ซิน หงส์ เฉิง อินเตอร์เทค(2008) จำกัด อ.เมือง จ. สมุทรสาครและโรงงาน อิฟง จำกัด อ.พาน ทอง จ.ชลบุรีซึ่งเป็นของคนจีนทั้งหมด แต่หน่วยงานราชการที่ตรวจสอบเส้นทางGPS และใบกำกับการขนส่งกลับไม่ทราบจนเวลาล่วงเลยมาถึง 8 เดือนตั้งแต่ส.ค.2566 จนต้นเดือนเมษาฯ 2567 แสดงว่าระบบนี้อาจมีปัญหา
3.โรงงานต้นทางที่จ.ตาก ขายกากแคดเมี่ยมต่อให้โรงงานปลายทางในจ.สมุทรสาคร และโรงงานในจ.สมุทรสาคร ขายกากต่อให้โรงงานในจ.ชลบุรี และกำลังจะส่งออกไปต่างประเทศโดยทางเรือ กรณีแบบนี้ทำได้อย่างไร? ทำไม่หน่วยราชการที่กำกับดูแลไม่ทราบ กังวลว่า อาจมีกรณีเช่นนี้อีกหลายราย โดยเฉพาะกากอันตรายที่มีค่า เพราะกากแคดเมี่ยมสามารถไปสกัดเป็นแร่แคดเมี่ยมนำไปทำแบตเตอร์รี่นิเกิลแคดเมี่ยมได้ ซึ่งราคาในตลาดโลกค่อนข้างสูงถึงกก.ละ 4.1 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นแร่แคดเมี่ยม1 ตัน จะมีราคาประมาณ1แสน 4หมื่นบาท..
4.โรงงานที่ขออนุญาตรีไซเคิลโลหะเช่นเหล็ก อลูมิเนี่ยม เป็นต้น ส่วนใหญ่มักจะทำ การหลอมกลางคืนเพราะค่าไฟฟ้าราคาถูกกว่ากลางวัน จะทราบได้อย่างไรว่า กากที่นำมาหลอม อาจเป็นกากอุตสาหกรรมอันตรายประเภทอื่นที่มีค่าหรือไม่ เช่น กากแคดเมี่ยม สังกะสี ปรอท ทองแดง เป็นต้น หน่วยงานมีระบบการตรวจสอบอย่างไร เพื่อให้เกิดการคุ้มครองต่อสุขภาพของประชาชน ถึงแม้จะต้องมีการส่งรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศที่ปลายปล่องให้หน่วยงานอนุญาตทราบปีละ2ครั้ง แต่โรงงานเป็นผู้จ้างที่ปรึกษามาตรวจวัดเอง ดังนั้นผลที่ออกมามักจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดทุกครั้ง
5.กรณีนำกากแคดเมี่ยมไปเก็บที่โรงงานใน จ.สมุทรสาคร และจ.ชลบุรีจำนวนมากนั้น หากประชาชนไม่แจ้งเบาะแสแก่กมธ.อุตสาหกรรมสภาผู้แทนราษฎร แน่นอนว่าคงไม่มีใครทราบ และคงไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปตรวจสอบ ดังนั้นรัฐควรเร่งออกกฎหมายเป็นพรบ.การเปิดเผยการปลดปล่อยมลพิษและการเก็บสารเคมีและสารพิษในแหล่งกำเนิดต่อสาธารณชนหรือ กฎหมาย PRTR ซึ่งประเทศที่พัฒนาแล้วต้องมี เพื่อให้ประชนรับทราบ และร่วมเป็น watch dog ในการเฝ้าระวังการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
6.รัฐต้องเร่งปฎิรูประบบการจัดการกากอุตสาหกรรมให้มีความรัดกุม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และให้ประชาชนมีส่วนร่วมดำเนินการด้วยโดยเร็ว เพื่อให้ประชาชนกลับมาไว้วางใจและศรัทธาต่อระบบและการทำงานของเจ้าหน้าที่ต่อไป
นอกจากนั้นยังตั้งคำถามถึงภาพที่มีการถ่ายไว้ที่โรงงานพื้นที่ 88 ไร่ ใน ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ที่แสดงให้เห็นว่า โรงงานนี้ได้ซื้อกากแคดเมี่ยมบรรจุถุงบิ๊กแบ๊กมากองไว้ในพื้นที่หน้าเตาหลอมของโรงงานว่า จะมีการหลอมบ้างมั้ย
IMCT News
ที่มา : เพจ Sonthi Kotchawat