ตำราพิชัยสงครามของรัสเซีย (The Russian Art of War)
04/03/2024
ย่างเข้าปีที่3สำหรับสงครามยูเครนที่ส่อแววว่าจะยืดเยื้อต่อไป แต่โดยภาพรวมจะเห็นได้ชัดเจนว่ารัสเซียถือไพ่เหนือกว่าทั้งยูเครน และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือหรือนาโต้ที่ทุ่มเทท้ังเงิน อาวุธยุทโธปกรณ์ และทหารให้กับยูเครนอย่างเต็มกำลัง
ยิ่งสงครามถูกลากยาวต่อไป รัสเซียยิ่งจะอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบเพราะว่ายูเครนต้องพึ่งพาชาติตะวันตก100%ท้ังเรื่องการเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์ ส่วนรัสเซียมีสายป่านทางการเงินที่ยาวกว่า มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งกว่าชาติใดในยุโรป มีแสนยานุภาพทางทหาร และอาวุธมหาประลัยที่อาจจะบอกได้ว่าเหนือกว่าชาติตะวันตกทุกชาติ
แต่ที่สำคัญที่สุดรัสเซียมีตำราพิชัยสงครามของตัวเอง (The Russian Art of War) คล้ายๆกับตำราพิชัยยุทธ์ของซุนวูที่ทำให้รัสเซียประสบความสำเร็จในการทำสงคราม
พันเอกจ๊ากส์ บอด (Jacques Baud) อดีตนายทหารสวิส เพิ่งจะตีพิมพ์หนังสือชื่อว่า The Russian Art of War: How the West Led Ukraine to Defeat (L’art de la guerre russe: Comment l’occident conduire l’ukraine a la echec) ซึ่งมีเนื้อหาหลักเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การทำสงครามของรัสเซียที่ได้รับการพัฒนาเป็นตำราพิชัยสงครามในลักษณะกึ่งวิทยาศาสตร์ โดยที่ชาติตะวันตกไม่เข้าใจ และตามไม่ทัน อันนำไปสู่การนำยูเครนไปสู่หายนะของความพ่ายแพ้
เนื่องจากรัสเซียรู้ดีว่าเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเผชิญหน้ากับตะวันตกในสงครามที่ถาวร ทำให้มีการศึกษา และพัฒนายุทธศาสตร์การทำสงคราม โดยจัดโครงสร้างสถาปัตยกรรมความคิดทางการทหารที่ชาติตะวันตกตามไม่ทัน เนื่องจากมีความชะล่าใจ หรือมั่นใจในอำนาจทางการเงิน เศรษฐกิจ และแสนยานุภาพทางทหารของตนที่เหนือกว่า ทำให้ไม่ได้พัฒนากลยุทธ์เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความเป็นจริงของสงคราม
พันเอกบอดอธิบายว่า รัสเซียมองความแย้งทางทหารในรูปแบบองค์รวม (holistic) โดยมองเห็นกระบวนการท้ังหมดที่พัฒนาจากจุดเริ่มต้นไปสู่สถานการณ์ในช่วงเวลาใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้เราจึงเห็นประธานาธิบดีวราดิเมียร์ ปูตินพยายามย้อนกลับไปหาประวัติศาสตร์อย่างสม่ำเสมอเพื่ออธิบายความเป็นมาของเรื่องราว เพื่อให้เห็น และเข้าใจภาพรวมร่วมกัน จะได้มองทุกอย่างไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อคราวที่นักข่าวทัคเกอร์ คาร์ลสัน อดีตผู้เนินรายการข่าวของFox News ได้สัมภาษณ์ปูตินที่วังเครมลินไม่นานมานี้ ปูตินถามคาร์ลสันก่อนว่าการสัมภาษณ์นี้เป็นทอล์คโชว์ หรือเป็นการพูดคุยกันอย่างจริงจัง แน่นอนคาร์ลสันต้องตอบว่าเป็นการสัมภาษณ์ที่จริงจัง ทำให้ปูตินได้โอกาสเล่าความเป็นมาของรัสเซีย โดยย้อนประวัติศาสตร์กลับไปถึงการก่อตั้งประเทศรัสเซียในศตวรรษที่ 10 แล้วค่อยๆลำดับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน โดยเน้นปฏิสัมพันธ์กับยุโรปและความสัมพันธ์กับสหรัฐ อันนำไปสู่ความขัดแย้งของสงครามยูเครนในปัจจุบัน
พันเอกบอดบอกว่า ตะวันตกมักจะมุ่งเน้นไปที่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของเหตุการณ์ และพยายามดูว่ามันจะพัฒนาไปอย่างไร หรือมองสถานการณ์ในลักษณะที่แยกส่วน แล้วหาทางตอบสนองอย่างทันทีต่อสถานการณ์ที่เห็นในวันนี้ ในขณะที่ตำราพิชัยยุทธ์ของรัสเซียพยายามทำความเข้าใจในรูปแบบองค์รวม ว่าวิกฤติเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วหาทางแก้ไขผ่านยุทธศาสตร์ การดำเนินการ และวิธีปฏิบัติเฉพาะเพื่อบรรลุเป้าหมายของความสำเร็จในการสงคราม
“เหตุผลที่รัสเซียดีกว่าตะวันตกในยูเครนก็เพราะพวกเขามองว่าความขัดแย้งเป็นกระบวนการ ในขณะที่เรามองว่ามันเป็นชุดของการกระทำที่แยกจากกัน ชาวรัสเซียมองเหตุการณ์เป็นภาพยนตร์ เราเห็นพวกมันเป็นรูปถ่าย พวกเขามองเห็นป่าในขณะที่เรามุ่งความสนใจไปที่ต้นไม้ นั่นคือเหตุผลที่เรากำหนดให้ความขัดแย้งเกิดขึ้นในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 หรือเริ่มต้นความขัดแย้งของสงครามยูเครน หรือในปาเลสไตน์ในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2566 เราเพิกเฉยต่อบริบทที่รบกวนจิตใจเราและก่อสงครามที่เราไม่เข้าใจ นั่นคือเหตุผลที่เราแพ้สงครามของเรา...” พันเอกบอดอธิบาย
หลักการของศิลปะทางทหารที่รัสเซียใช้อยู่ในปัจจุบันพอจะสรุปได้ดังนี้:
-- มีความพร้อมในการปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
-- มีความจดจ่ออย่างเข้มข้นในการแก้ไขภารกิจเฉพาะ
-- สร้างความประหลาดใจในการปฏิบัติการทางทหารเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู
-- ขั้นตอนสุดท้ายจะถูกกำหนดโดยชุดของงานและระดับของแนวทางการแก้ไขในแต่ละงาน
--องค์รวมท้ังหมดที่มีอยู่กำหนดวิธีการแก้ไขภาระกิจและการบรรลุวัตถุประสงค์ (ความสัมพันธ์ของกองกำลัง)
--การเชื่อมโยงกันของความเป็นผู้นำ (เอกภาพในการบังคับบัญชา);
--ประสิทธิภาพของกองกำลัง ทรัพยากรในการทำสงคราม ในกาละและเทศะ
--การสนับสนุนและฟื้นฟูความสามารถในการรบ
--มีอิสระในควบคุม ดำเนินการทำสงคราม
หลักการของศิลปะทางทหารนี้ไม่ได้ใช้จำกัดเฉพาะในทางทหาร แต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับปฏิบัติการณ์อื่นๆ
นอกจากนี้ ยังสามารถแบ่งศิลปะทางหทารของรัสเซียออกได้เป็นสามองค์ประกอบหลักคือ ยุทธศาสตร์ (strategy) ศิลปะปฏิบัติการ (operation) และยุทธวิธี (tactical maneouvre) องค์ประกอบแต่ละอย่างมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง
ระดับยุทธศาสตร์คือระดับความคิด จุดมุ่งหมายของการดำเนินการคือการนำฝ่ายตรงข้ามไปสู่การเจรจาหรือพ่ายแพ้
ระดับปฏิบัติการคือความร่วมมือและการประสานงานของปฏิบัติการระหว่างกำลัง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ทางทหารที่กำหนด
ในที่สุดระดับยุทธวิธีก็คือวิธีการใช้อาวุธเฉพาะในการรบเพื่อให้สอดคล้องกับระดับปฏิบัติการทั้งปวง
จะเห็นได้ว่าชาติตะวันตกรู้สึกประหลาดใจกับความยืดหยุ่นหรือความเข้มแข็งของรัสเซีย อันเห็นได้จากเทคโนโลยีอาวุธไฮเปอร์โซนิกของกองทัพที่ไร้เทียมทาน เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของรัสเซียที่ยังสามารถเติบโตได้ดีกว่ายุโรปทุกประเทศ แม้ว่าจะถูกแซงชั่นด้วยมาตรการที่รุนแรง ค่าเงินรูเบิ้ลไม่ได้ล่มสลายตามที่คาด ฐานะการเงินที่มั่นคงเนื่องจากรายได้เพิ่มจากการส่งออกพลังงาน สินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาสูงขึ้นจากวิกฤติสงคราม รวมทั้งความสามารถในการหาตลาดส่งออกใหม่มาชดเชยตลาดยุโรป
การประเมินความเข้มแข็งของรัสเซียผิดพลาด ทำให้วาทะกรรมที่สื่อตะวันตกสร้างภาพตลอดเวลาว่ายูเครนจะมีชัยในที่สุดกลายเป็นเพียงภาพลวงตาตลาดระยะเวลาของ2ปีของสงครามที่สร้างความเหนื่อยล้าให้ทุกฝ่าย
สำหรับโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี้ ผู้นำของยูเครน ยุทธศาสตร์การทำสงครามต่อต้านรัสเซียมีเสาหลัก4 ประการคือ
1. การพึ่งพาความช่วยเหลือทางการเงินและอาวุทยุโธปกรณ์จากนานาประเทศ
2. ความร่วมมือในการแซงชั่นเพื่อทำให้รัสเซียอ่อนแอลง
3. ความหวังให้นาโต้ส่งทหารเข้าไปช่วยยูเครนรบกับรัสเซียโดยตรง ( ซึ่งจะทำให้สงครามโลกคร้ังที่ 3เกิดขึ้นอย่างทันที)
4. การบังคับใช้เขตห้ามบิน (no-fly zone)
ในขณะเดียวกัน รัสเซียทำสงครามโดยมีเป้าหมายที่ชัดว่าไม่ต้องการครอบครองดินแดนท้ังหมดของยูเครน เพราะว่าการยึดครองดินแดนอาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่การรักษาดินแดนเป็นสิ่งที่ยากกว่า ทำให้ต้องเสียกำลังพลมาก โดยที่ไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ภาพรวมของการทำสงคราม จะเห็นได้ว่ารัสเซียพอใจในการครอบครองดินแดนที่ยึดมาได้ประมาณ20%ของยูเครน แล้วปักหลักรับมือการโจมตีโต้กลับของยูเครน ที่บุกเข้ามาทีไรก็โดนสวนกลับอย่างรุนแรง หนักหน่วงทำให้ต้องสูญเสียกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปเป็นจำนวนมาก
ตัวอย่างที่ชัดเจนของการไม่เอาการครอบครองดินแดนยูเครนเป็นเป้าหมายหลักของรัสเซีย เช่นในช่วงแรกของสงครามกองทัพรัสเซียที่มุ่งหน้าสู่กรุงเคียฟ และอยู่ห่างจากเมืองหลวงไม่กี่ร้อยไมล์ แต่ได้รับคำสั่งให้ให้ถอยกลับเพื่อมุ่งรักษาพื้นที่ของแคว้นลูฮันกส์ และโดเน็ตส์แทน นอกจากนี้กองกำลังทหารรัสเซียที่มีท่าจะยึดเมืองคาร์คอฟทางภาคตะวันออกสุดได้ก็ถูกสั่งให้ถอนกำลัง เพราะว่าปฏิบัติการไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์องค์รวมของการทำสงครามที่มุ่งทำลายศักยภาพของกองทัพยูเครนเป็นสำคัญ รวมท้ังทำลายพวกนีโอนาซีที่แฝงอยู่ในกองทัพยูเครน
ชัยชนะของรัสเซียไม่ได้หมายถึงการยึดครองพื้นที่ แต่เป็นการทำลายกองทัพของศัตรูทางกายภาพ และขวัญกำลังใจ และการรักษาชีวิตทหารสำคัญกว่าการยึดครองพื้นที่
แต่ตะวันตก หรือสื่อตะวันตกกลับมองการถอนกำลังของรัสเซียเป็นสัญญานของความพ่ายแพ้ ทำให้เกิดภาพลวงตาว่ากองกำลังรัสเซียในยูเครนระส่ำระสาย และไม่ได้มีเอกภาพ หรือความเข้มแข็งจริง
ยูเครนตั้งเป้าหมายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงว่าต้องการทวงคืนดินแดนทุกตารางนิ้วจากรัสเซีย จึงทุ่มเทสรรพกำลังทั้งหมดในการตีโต้ โดยเคลื่อนกำลังเข้าหากองทัพรัสเซียที่ตั้งท่าคอยรับมืออยู่ ด้วยอาวุธที่ทันสมัยกว่า และกระสุนดินปืนที่มีมากกว่าอย่างเทียบไม่ได้ ทำให้ยูเครนต้องสูญเสียไพร่พลเป็นจำนวนมาก และฐานะที่มั่นในการทำสงครามในภาคตะวันออกที่ถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือเมืองบักห์มุดในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และเมืองอิฟดิอิฟกาในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ในขณะที่สงครามยูเครนย่างเข้าสู่ปีที่ 3 และรัสเซียมีความได้เปรียบอย่างไร้ข้อกังขา โดยที่ยูเครนอ่อนกำลังลงไปเรื่อยๆ และดำรงอยู่ได้จากความช่วยเหลือจากตะวันตก ที่กำลังทำสงครามตัวแทนของรัสเซียผ่านยูเครน มีการพูดคุยกับระดับผู้นำของยุโรปถึงความเป็นไปได้ในการส่งทหารไปช่วยยูเครนรบกับรัสเซียโดยตรง เพราะว่ายุโรปมองว่ารัสเซียเป็นศัตรูที่จะบุกโจมตียุโรปหลังจากเสร็จศึกสงครามยูเครน ทั้งๆที่ยุโรปดำเนินนโยบายปิดล้อมรัสเซียทางทหารผ่านนาโต้มาตลอด และปฏิเสธแผนความมั่นคงที่รัสเซียเสนอในการดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติภาพ
ถ้าหากยุโรปตัดสินใจเข้าสู่สงครามยูเครนโดยตรง นั้นจะทำให้เกิดสงครามโลกคร้ังที่3อย่างเป็นทางการของมหาอำนาจโลกทางนิวเคลียร์ ปูตินบอกกับทัคเกอร์ คาร์ลสันว่า ถ้าหากสหรัฐหยุดให้ความช่วยเหลือยูเครน สงครามจะยุติลงภายในสามสัปดาห์ แต่ในขระนี้ยังไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติลงเมื่อใด และมีแนวโน้มจะมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
By Thanong Khanthong, Editor
อ้างอิง: https://mronline.org/2024/01/05/the-russian-art-of-war-how-the-west-led-ukraine-to-defeat/