Thailand
30/7/67
ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความปั่นป่วนในตลาดรถยนต์ภายในประเทศ อันเป็นผลมาจากนโยบายอุดหนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) จากจีน ซึ่งส่งผลกระทบรุนแรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ท้องถิ่นและห่วงโซ่อุปทาน
นับตั้งแต่รัฐบาลไทยเปิดตัวโครงการอุดหนุน EV ในปี 2565 ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน มีการนำเข้า EV จำนวน 185,029 คัน แต่มีการจดทะเบียนใหม่เพียง 86,043 คัน สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาอุปทานส่วนเกินประมาณ 90,000 คัน นายกฤษฎา อุตตโมทย์ นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย (EVAT) เปิดเผยว่า "เรากำลังประสบปัญหาอุปทาน EV ล้นตลาด เนื่องจากมี EV จำนวนมากที่นำเข้าจากจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังคงค้างอยู่ในสต็อกของตัวแทนจำหน่าย"
โครงการอุดหนุนดังกล่าวเสนอเงินสนับสนุนสูงสุด 150,000 บาทต่อคัน และยกเลิกภาษีนำเข้าจากจีน โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ผลิตต้องผลิตรถยนต์จำนวนเท่ากันในประเทศไทย ส่งผลให้ผู้ผลิต EV จีนรายใหญ่อย่าง BYD ลดราคารุ่น Atto ลงถึง 37% ขณะที่ Neta ลดราคารุ่น V-II ลง 9% เมื่อดำเนินการเต็มรูปแบบ ผู้ผลิต EV จีนในไทยจะมีกำลังการผลิตรวมประมาณ 750,000 คันต่อปี
ผลกระทบจากนโยบายนี้ส่งผลให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนท้องถิ่นอย่างน้อย 12 รายต้องปิดกิจการ เนื่องจากผู้ผลิต EV จีนที่ได้รับการอุดหนุนหลีกเลี่ยงการซื้อจากผู้ผลิตเหล่านี้ นอกจากนี้ ยอดขายรถยนต์เชื้อเพลิงฟอสซิลยังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นซึ่งผลิตรถยนต์ประเภทนี้ 90% ในประเทศไทย
ภาคยานยนต์ของไทยซึ่งจ้างงานกว่า 750,000 คนและมีส่วนสนับสนุนต่อ GDP 11% กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ยอดขายรถยนต์ในช่วงห้าเดือนแรกของปีลดลง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษ
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่คล้ายคลึงกันในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ที่กำลังเผชิญกับผลกระทบจากการเข้าสู่ตลาดของ EV จีน สหภาพยุโรปได้ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมกับผู้ผลิต EV จีนรายใหญ่ เช่น SAIC (38.1%), BYD (17.4%) และ Geely Auto (20%) นอกเหนือจากภาษีนำเข้า 10% ที่มีอยู่เดิม
การตัดสินใจของสหภาพยุโรปได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากกระทรวงพาณิชย์จีน โดยระบุว่าเป็นการละเลยข้อเท็จจริง กฎขององค์การการค้าโลก และการคัดค้านจากจีนและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป โดยปักกิ่งให้คำมั่นว่าจะปกป้องสิทธิของบริษัทจีน
สถานการณ์ในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและการปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ท้องถิ่น นโยบายการอุดหนุนที่มีเจตนาดีในการส่งเสริมการใช้ EV กลับส่งผลกระทบที่ไม่คาดคิดต่อห่วงโซ่อุปทานและผู้ผลิตในประเทศ
ในขณะที่รัฐบาลไทยพยายามผลักดันให้ประเทศก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในภูมิภาค การแข่งขันที่รุนแรงจากผู้ผลิตจีนและปัญหาอุปทานส่วนเกินกำลังสร้างความท้าทายอย่างมากต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจประเทศ
สถานการณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการทบทวนและปรับปรุงนโยบายการอุดหนุน EV เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการส่งเสริมเทคโนโลยียานยนต์สะอาดและการปกป้องผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมในประเทศ รวมถึงการพิจารณาผลกระทบระยะยาวต่อห่วงโซ่อุปทานและการจ้างงานในภาคยานยนต์
ท้ายที่สุด กรณีของประเทศไทยอาจเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังพิจารณานโยบายส่งเสริม EV ให้ระมัดระวังในการออกแบบนโยบายที่ส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ โดยไม่ทำลายอุตสาหกรรมที่มีอยู่เดิมและรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
IMCT NEWS
ที่มา https://www. zerohedge .com/markets/thailand-sets-chaos-domestic-auto-market-subsidizing-chinese-evs
© Copyright 2020, All Rights Reserved