ขอบคุณภาพจาก RT
5/7/2024
ตลาดหุ้นสหรัฐดีดขึ้น โดยได้แรงส่งจากความคึกคักของเอไอ แต่มีคนนำสิ่งนี้ไปเทียบกับฟองสบู่ดอทคอมเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ก่อให้เกิดคำถามตามมาว่า ราคาหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้นในขณะนี้ เกิดจากมุมมองเชิงบวกที่มีต่อการปฏิวัติเทคโนโลยีใช่หรือไม่
เอไอคึกคัก บวกกับเศรษฐกิจกลับมาพลิกฟื้นและผลประกอบการที่แข็งแกร่งขึ้น ดันให้ดัชนี S&P 500 พุ่งทะยานเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ พุ่งขี้นกว่า 50% จากที่เคยตกต่ำเมื่อเดือนตุลาคม 2022 ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิท หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก็พุ่งขึ้นกว่า 70% นับจากสิ้นปี 2022
การพุ่งทะยานของตลาดหุ้นสหรัฐ ได้อานิสงค์จากการดีดขึ้นของหุ้นเทคโนโลยีกลุ่มหนึ่ง โดยมีหุ้นของ Nvidia ผู้ผลิตชิปเอไอ รวมอยู่ด้วย ทำให้ย้อนไปถึงปรากฏการณ์ “ Four Horsemen “ เมื่อปลายทศวรรษที่ 1990 หรือสี่หุ้นเทคโนโลยีที่มาแรงแซงทางโค้งในเวลานั้น คือ Cisco, dell , Microsoft และ Intel
หุ้น Nvidia ดีดขึ้นเกือบ 4,300% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ทำให้นึกถึง Cisco ผู้นำอุตสาหกรรมอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีเครือข่าย ที่พุ่งขึ้น 4,500% ในช่วง 5 ปีเช่นกัน และพุ่งทะยานสุดๆ ในปี 2000
แม้หุ้นเทคโนโลยีหลายตัวในยุคนี้ ดูจะมีสถานภาพทางการเงินดีกว่าในยุคดอทคอมเมื่อปลายทศวรรษที่ 1990 และต้นทศวรรษที่ 2000 แต่ก็มีความวิตกว่า หุ้นเทคโนโลยีที่ดีดขึ้นในเวลานี้ โดยได้แรงดันจากธุรกิจเอไอ อาจจะจบลงในแบบเดียวกับความคึกคักของธุรกิจดอทคอม ซึ่งภายหลังก็ร่วงลงอย่างรวดเร็ว หลังจากทะยานขึ้นเกือบสี่เท่าในช่วงเวลาเพียงแค่สามปี แล้วแนสแด็ก คอมโพสิท ก็ร่วงเกือบ 80% จากที่เคยพุ่งสุดๆ ในเดือนมีนาคม ปี 2000 และดิ่งลงในเดือนตุลาคม ปี 2002 ส่วน S&P500 ดีดขึ้นเท่าตัวในช่วงเวลาเดียวกัน ก่อนจะร่วงลงเกือบ 50% ในช่วงนั้น
ในขณะที่หุ้นอินเตอร์เน็ตหลายตัว เช่น อเมซอน กลับรอดมาได้ และเจริญรุ่งเรืองในท้ายที่สุด แต่หุ้นตัวอื่น ไม่เคยกลับมาได้อีกเลย
นักวางกลยุทธ์ตลาดโลกอาวุโสของ Wells Fargo Investment Institute มองว่า ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับธุรกิจเอไอ อาจมีความผันผวนในแบบเดียวกันรออยู่ก็ได้
ตอนนี้ ดูเหมือนทุกอย่างซ้ำรอยความคึกคักของยุคดอทคอม ภาคเทคโนโลยีสารสนเทศ ขยายตัวคิดเป็นสัดส่วน 32% ของมูลค่าตลาดทั้งหมดของ S&P500 ถือว่ามากสุดนับจากปี 2000 ซึ่งในครั้งนั้น ก็ขยายตัวเป็นเกือบ 35% และตอนนี้ ก็มีแค่สามบริษัท คือ ไมโครซอฟท์ , แอปเปิ้ล และ Nvidia ที่รวมกันคิดเป็น 20% ของดัชนี
แต่หุ้นเทคโนโลยีในยุคนี้ ก็ยังถือว่า มีมูลค่ากลางๆ เมื่อเทียบกับในยุคที่บูมสุดขีดตอนฟองสบู่ดอทคอม ซึ่งในครั้งนั้น การเทรดอยู่ที่ 48 เท่าของ Forward P/E เมื่อปี 2000 แต่ในยุคนี้ อยู่ที่ 31 เท่า
และถ้าเทียบกันระหว่าง Nvidia และ Cisco แม้หุ้นทั้งสองตัวจะพุ่งขึ้นเหมือนกัน แต่ Nvidia มีการเทรดอยู่ที่ 40 เท่าของ Forward P/E ส่วน Cisco อยู่ที่ 131 เท่า เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2000 นักวิเคราะห์มองว่า การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในปัจจุบัน มาจากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งกว่าในยุคฟองสบู่ดอทคอม สะท้อนชัดว่า ยุคนี้ เป็นการเติบโตจากพื้นฐานที่แน่นหนากว่า
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หุ้นกลุ่มบริการสื่อสาร และหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย เป็นหุ้นที่เติบโตเร็วกว่าหุ้นอื่นๆ ในตลาด ในแง่ของผลประกอบการล่วงหน้า นับจากต้นปี 2023 เป็นต้นมา แต่ในทางกลับกัน ผลประกอบการล่วงหน้าของหุ้นในกลุ่มที่โตเร็วยุคฟองสบู่ดอทคอม กลับมีตัวเลขพอๆ กับหุ้นอื่นๆ ในตลาดเมื่อช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 และต้นทศวรรษที่ 2000 แต่มูลค่าหุ้นกลับดีดขึ้นล้ำไปไกลกว่าหุ้นตัวอื่น
ค่า PE ของ S&P500 ในยุคนี้ อยู่ที่ 21 ซึ่งแม้จะสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังถือว่า ต่ำกว่าในยุคฟองสบู่ดอทคอม ซึ่งในครั้งนั้น ตัวเลขนี้อยู่ที่ 25
นักวิเคราะห์จึงมองว่า ฟองสบู่หุ้นเทคโนโลยีในยุคนี้ จะยังไม่แตกแน่นอน ถ้ามูลค่าตลาดโดยรวมยังไม่พองตัวไปอยู่ในระดับเดียวกับที่เคยเป็นเมื่อปี 2000
ผลสำรวจของ American Association of Individual Investors ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ความวิตกของนักลงทุน พบว่า เมื่อเดือนมกราคม ปี 2000 ตัวเลขความวิตกของนักลงทุนพุ่งไปอยู่ที่ 75% เพียงไม่กี่เดือนก่อนที่ตลาดจะพุ่งถึงขีดสุด ส่วนตัวเลขนี้ในยุคปัจจุบันยังอยู่ที่ 44.5% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยที่ผ่านๆ มา จะอยู่ที่ 37.5%
แม้ฟองสบู่เอไอ จะยังไม่ได้ข้อสรุปว่า จะซ้ำรอยฟองสบู่ดอทคอมหรือไม่ แต่นักลงทุนจำนวนมาก ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้ว่า มันอาจจะขาดผึงได้ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าตลาดหุ้นสหรัฐยังคงดีดขึ้นไม่หยุด และหุ้นเทคโนโลยีก็ยังคงพุ่งขึ้นต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์มองว่า มันมีรูปแบบที่คล้ายกันมาก เมื่อเข้าสู่ยุคฟองสบู่ ข้อมูลเชิงบวก การพัฒนาพื้นฐานต่างๆ จะถูกอ้างอิงเสมอ และทำให้คนทั่วไป พร้อมจ่ายทุกราคาเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ
By IMCT News