Thailand
ขอบคุณภาพจาก สำนักข่าวซินหัว
22/5/2024
ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน กำลังเผชิญวิกฤติปัญหา เพราะจำนวนอสังหาริมทรัพย์ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างมีเพิ่มขึ้นราวติดจรวด จำนวนตึกที่ขายไม่ออกกองสะสมจนทำให้กลุ่มนักพัฒนาขาดทุน หรือถึงขั้นต้องยื่นเรื่องขอล้มละลาย วิกฤติแรกที่ชาวโลกรับรู้โดยทั่วกัน คือ ปัญหาที่เกิดกับบริษัทอสังหารายใหญ่สุดของจีน Evergrande ซึ่งถูกศาลฮ่องกงสั่งให้ขายสินทรัพย์ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้กว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 11 ล้านล้านบาท
ครัวเรือนชาวจีนในเวลานี้ แห่ซื้อบ้านจากตลาดมือสองมากขึ้น แทนที่จะซื้อห้องชุดใหม่เอี่ยม เหมือนเช่นแต่ก่อน ยอดขายของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในจีนจึงดำดิ่ง และสถานการณ์เหล่านี้ ยังสะท้อนให้เห็นผ่านทางตลาดหุ้นอีกด้วย บางวันเราจึงเห็น หุ้นอสังหาของจีนบางตัว ราคาร่วงลงถึง 3.2% สร้างความไม่พอใจให้แก่บรรดานักลงทุนในตลาด
เพื่อดึงให้ภาคอสังหากลับมาคึกคักอีกครั้ง รัฐบาลจีนจึงประกาศงบสนับสนุน 42,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท เงินทุนก้อนนี้มาจากธนาคารกลางจีนและรัฐวิสาหกิจต่างๆ เพื่อเข้าซื้อบ้านสร้างเสร็จที่รอการขาย แต่ยังขายไม่ออก
แต่นักเศรษฐศาสตร์หลายคน ยังวิตกในแนวคิดนี้ ว่า เงินทุนจากธนาคารกลางจีน จะไม่สามารถตอบสนองต่อบ้านรอการขายทั้งหมดได้ นักเศรษฐศาสตร์เตือนให้ระวังว่า งบสนับสนุนก้อนนี้ อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงตรงที่ ไม่สามารถนำมาช่วยภาคอสังหาครอบคลุมได้ทั่วประเทส และถ้าการใช้จ่ายเงินทุนไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ภาคอสังหาของจีนอาจถูกกระทบอีก
นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจชื่อดัง บอกว่า ถ้าอยากให้เกมนี้พลิก และให้ตลาดบ้านในจีนระบายออกจนหมด ก็มีแนวโน้มว่า รัฐบาลจีนอาจต้องเพิ่มงบเข้าไปให้มากกว่านี้
ส่วนนักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ Mizuho Securities Asia ในจีน ก็ระบุว่า เงินทุนก้อนนี้ยังไม่พอสำหรับการแก้ปัญหา ผลกระทบของนโยบายนี้ ยังขึ้นอยู่กับธนาคารที่จะต้องบีบ ไม่ให้ส่วนต่างดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝากแตกต่างกันมากจนเกินไป
ด้านนักเศรษฐศาสตร์ของ Paulson Institute มองว่า นโยบายใหม่นี้ อาจกระตุ้นการขายอสังหาริมทรัพย์ในจีนได้แค่ไม่กี่เดือน ซึ่งก็ยังสงสัยอยู่ว่า จะนานพอที่จะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นหรือไม่
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://watcher.guru/news/china-spends-42-billion-to-save-its-slumping-real-estate-market
© Copyright 2020, All Rights Reserved