ขอบคุณภาพจาก RT

2/7/2024

32 ชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต้ ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 48 ล้านล้านบาท เมื่อปี 2023  เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร  ประมาณ 68% ในนี้ มาจากสหรัฐ ในขณะที่ประเทศสมาชิกอื่น ร่วมกันลงขันเพียง 32% ในงบประมาณทางทหารก้อนนี้

สหรัฐยังคงเป็นผู้ออกเงินรายใหญ่สุดของนาโต้  โดยจ่ายไปถึง 860,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 32 ล้านล้านบาท ในปี 2023   เป็นตัวเลขเฉียด 1 ล้านล้านดอลลาร์ และอาจจะแตะที่ระดับนี้ ในปีงบประมาณอื่นที่ใกล้เข้ามา  ในขณะที่ชาติพันธมิตรที่เหลืออีก 31 ประเทศ จ่ายเงินรวมกัน 440,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 16 ล้านล้านบาท ในวัตถุประสงค์ทางทหารเพื่อคุ้มกันผลประโยชน์ของพวกเขา

เมื่อปี 2018 อดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ต้องการให้สมาชิกนาโต้แต่ละประเทศ เจียดงบ 2% ของจีดีพีตัวเอง  จ่ายเข้ากองกลางนาโต้  และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็มีสหรัฐเพียงชาติเดียว ที่จ่ายงบเข้านาโต้เพิ่มขึ้นถึง 6% เมื่อเทียบกับปี 2021  ในขณะที่ชาติอื่นจ่ายเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1%

สหรัฐเป็นประเทศที่เจียดงบเข้านาโต้มากเป็นอันดับหนึ่ง เมื่อปี 2023 คือ 860,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 32 ล้านล้านบาท

รองลงมาคือเยอรมนี ซึ่งเจียดงบให้ 68,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.5 ล้านล้านบาท  ถือเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าสหรัฐมาก   ถ้าเทียบกันแล้ว สหรัฐเจียดงบแซงหน้าเยอรมนีไปกว่า 10 เท่าด้วยซ้ำ

ถัดจากเยอรมนี คือ  อังกฤษ เจียดงบให้ 65,700 ล้านดอลลาร์ , ฝรั่งเศส 56,600 ล้านดอลลาร์ , อิตาลี 31,500 ล้านดอลลาร์ , โปแลนด์ 29,100 ล้านดอลลาร์ , แคนาดา 28,900 ล้านดอลลาร์ , สเปน 19,100 ล้านดอลลาร์ , เนเธอร์แลนด์ 16,700 ล้านดอลลาร์ และตุรกี 15,800 ล้านดอลลาร์

สหรัฐเป็นชาติที่จ่ายงบเข้านาโต้มากที่สุด    แต่ประเทศอื่นในแถบยุโรปก็พยายามไล่ตามอย่างรวดเร็ว  เพราะสงครามรัสเซียกับยูเครน ทำให้หลายประเทศแถบยุโรปตื่นตัวที่จะป้องกันตัวเองจากความขัดแย้งที่เพิ่มขึ้น   พวกเขาจึงทุ่มงบเข้านาโต้มากขึ้น นับจากปี 2022 เป็นต้นมา   แต่สหรัฐก็ยังเป็นผู้ที่จ่ายงบเข้านาโต้มากที่สุด และเพิ่มขึ้นในอัตราส่วนที่มากที่สุดทุกปี

By IMCT News

อ้างอิงจาก https://watcher.guru/news/u-s-gives-nato-nearly-1-trillion-in-2024

https://www.visualcapitalist.com/breaking-down-1-3t-in-nato-defense-spending/#:~:text=The%20U.S.%20is%20by%20far,second%2Dplaced%20country%2C%20Germany.