ขอบคุณภาพจาก X @kshaughnessy2
20/6/2024
Nikkei Asia Review รายงานว่า ธนาคาร Norinchukin ของญี่ปุ่น จะขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และยุโรปที่ถือครองอยู่มากกว่า 10 ล้านล้านเยน (63,000 ล้านดอลลาร์) ในช่วงปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า (2025) โดยมีเป้าหมายที่จะหยุดยั้งการขาดทุนจากการลงทุนพันธบัตรต่างประเทศที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้งบดุลของบริษัททรุดตัวลง รวมถึงลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการถือพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ
การขาดทุนสุทธิของบริษัทในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2025 ที่ก่อนหน้านี้ คาดการณ์ว่าจะสูงถึง 500,000 ล้านเยน จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 ล้านล้านเยนจากการขายพันธบัตร
“เราวางแผนที่จะขายพันธบัตรต่างประเทศที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำเป็นมูลค่า 10 ล้านล้านเยนหรือมากกว่านั้น” Kazuto Oku ซีอีโอของธนาคาร Norinchukin กล่าว
Oku กล่าวว่าธนาคาร “รับทราบถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงการจัดการพอร์ตอย่างมาก” เพื่อลดการสูญเสียที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากพันธบัตร ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 2.2 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนมีนาคม พร้อมอธิบายความตั้งใจของธนาคารที่จะเปลี่ยนการลงทุนว่า “จะลดความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย [ของรัฐบาล] และกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่รับความเสี่ยงด้านเครดิตขององค์กรและบุคคล”
ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (2024) Norinchukin มีพันธบัตรต่างประเทศประมาณ 23 ล้านล้านเยน คิดเป็นร้อยละ 42 ของสินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมด 56 ล้านล้านเยน
ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น พันธบัตรต่างประเทศที่คงค้างซึ่งถือโดยสถาบันการเงินที่รับฝากเงินมีมูลค่า 117 ล้านล้านเยน ณ สิ้นเดือนมีนาคม Norinchukin เป็นนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ในญี่ปุ่น โดยถือครองประมาณร้อยละ 20 ของสินทรัพย์ทั้งหมดด้วยตนเอง ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และยุโรปที่ปรับตัวสูงขึ้นและราคาพันธบัตรที่ลดลง ส่งผลให้มูลค่าของพันธบัตรต่างประเทศที่มีราคาสูง (อัตราผลตอบแทนต่ำ) ที่ Norinchukin ซื้อไว้ในอดีตลดลง ส่งผลให้การขาดทุนของธนาคารเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐฯ และยุโรปน่าจะใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ธนาคารจะพยายามลดการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยการขายพันธบัตรต่างประเทศในปีงบประมาณ 2024 และมีแผนจะขายพันธบัตรต่างประเทศมูลค่ากว่า 10 ล้านล้านเยน นอกเหนือจากกิจกรรมการซื้อขายตามปกติ
ขณะนี้ บริษัทกำลังพิจารณาทางเลือกในการลงทุน รวมถึงหุ้น พันธบัตรของบริษัท สินเชื่อของบริษัท และหุ้นเอกชน รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่แปลงเป็นหลักทรัพย์ เช่น หลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันด้วยสินเชื่อของบริษัทและหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันด้วยจำนอง โดยการกระจายพอร์ต ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายที่จะป้องกันไม่ให้การขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นขยายตัวจนถึงจุดที่กลายเป็นปัญหาสำหรับฝ่ายบริหาร
นอกจากนี้ บริษัทจะพยายามแทนที่หนี้รัฐบาลต่างประเทศที่มีอัตราผลตอบแทนต่ำบางส่วนด้วยพันธบัตรอื่นที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่า ตามข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ นักลงทุนญี่ปุ่นถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 1.18 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมีนาคม ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้ถือพันธบัตรต่างชาติ การขายพันธบัตรจำนวนมากของ Norinchukin จึงอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ
ด้านผลประกอบการทางการเงินของธนาคารญี่ปุ่นในช่วงสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีหน้า (2025) มีแนวโน้มจะแย่ลงอย่างมาก จากการขายพันธบัตรต่างประเทศจำนวนมาก และเปลี่ยนการขาดทุนบนกระดาษให้กลายเป็นการขาดทุนจริง ณ เดือนพฤษภาคม Norinchukin รายงานว่าขาดทุนขั้นสุดท้ายอยู่ที่มากกว่า 500,000 ล้านเยน แต่ปัจจุบันคาดว่าจะสูงถึง 1.5 ล้านล้านเยน
ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม ปี 2009 หลังจากที่ธนาคารเพื่อการลงทุน Lehman Brothers ของสหรัฐฯ ล้มละลาย Norinchukin ขาดทุนขั้นสุดท้ายประมาณ 570,000 ล้านเยน เนื่องมาจากการด้อยค่าของผลิตภัณฑ์ที่แปลงเป็นหลักทรัพย์ คาดว่าการขาดทุนที่คาดการณ์ไว้สำหรับปีงบประมาณนี้จะสูงกว่าสถิติเดิมประมาณ 1 ล้านล้านเยน
อย่างไรก็ตาม Oku กล่าวว่าการนำผลขาดทุนไปลงบัญชีในปีที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคมปีหน้า (2025) จะ "ปรับปรุงสถานะการเงินและพอร์ตของธนาคาร จึงทำให้สามารถมีกำไรในช่วงที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2026"
ขณะเดียวกัน ธนาคาร Norinchukin กำลังพิจารณาระดมทุน 1.2 ล้านล้านเยนเพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยได้เริ่มหารือกับสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนหลัก และคนอื่นๆ แล้ว
การขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงสะท้อนอยู่ในอัตราส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท และการขาดทุนที่เกิดขึ้นจริงจะไม่ทำให้อัตราส่วนเปลี่ยนแปลงไป ธนาคารกล่าวว่าจะระดมทุนต่อไป แม้ว่าการขาดทุนจะเพิ่มขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ ธนาคารก็ยังวางแผนที่จะจัดการประชุมสามัญประจำปีของตัวแทน ซึ่งคล้ายกับการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี ในวันศุกร์นี้ (21 มิ.ย.) เพื่อทำความเข้าใจกับนักลงทุนเกี่ยวกับการขาดทุนจำนวนมากที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในปีงบประมาณนี้ และนโยบายในการระดมเงินสดเพิ่มเติม
IMCT News