ออสเตรเลียปรับจุดยืนมาตรการคว่ำบาตร แยกตัวจากแนวทางสหรัฐฯ ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ
3-12-2024
ความขัดแย้งระหว่างออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาในประเด็นการคว่ำบาตรปรากฏชัดเจนขึ้น หลังสมาชิกพรรครีพับลิกันเรียกร้องให้คว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) กรณีออกหมายจับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูและอดีตรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์ของอิสราเอล ขณะที่เพนนี หว่อง รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย ยืนยันจุดยืนสนับสนุนความเป็นอิสระของ ICC และบทบาทในการรักษากฎหมายระหว่างประเทศ
วุฒิสภาออสเตรเลียกำลังพิจารณาทบทวนแนวทางการคว่ำบาตร หลังไซมอน เบอร์มิงแฮม รัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายค้าน เสนอให้ปรับนโยบายให้สอดคล้องกับพันธมิตรอย่างสหรัฐฯ มากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิชาการมองว่านี่ควรเป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนแนวทางไปสู่การยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศมากกว่า
ปัจจุบันออสเตรเลียมีมาตรการคว่ำบาตรสองรูปแบบ ได้แก่ การปฏิบัติตามมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และการคว่ำบาตร "อิสระ" ที่ดำเนินการฝ่ายเดียว โดยตั้งแต่ปี 2011 กฎหมายให้อำนาจรัฐมนตรีต่างประเทศในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียว รวมถึงการห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สินของผู้กระทำการทุจริตและละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งปัจจุบันใช้กับผู้นำการเมืองและทหารของเมียนมาร์ ซิมบับเว และรัสเซีย
ในอดีตออสเตรเลียเคยแสดงจุดยืนอิสระด้วยการคว่ำบาตรการแบ่งแยกสีผิวในโรดีเซีย (ซิมบับเวในปัจจุบัน) และแอฟริกาใต้ แม้จะขัดกับท่าทีของสหรัฐฯ และอังกฤษ แต่ปัจจุบันมักดำเนินการตามแนวทางของพันธมิตร ดังเห็นได้จากการไม่คว่ำบาตรผู้นำอิสราเอล แม้จะมีแรงกดดันจากภาคประชาสังคมและคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
การพึ่งพาสหรัฐฯ กำลังสร้างความท้าทายมากขึ้น เมื่อวอชิงตันใช้มาตรการคว่ำบาตรเป็นเครื่องมือในการแข่งขันกับจีนและกดดันประเทศคู่ขัดแย้ง ขณะที่ปกป้องพันธมิตรอย่างอิสราเอล สถิติชี้ว่าสหรัฐฯ เพิ่มการคว่ำบาตรถึง 933% ในช่วงปี 2001-2021 และในปี 2023 เพิ่มรายชื่อผู้ถูกคว่ำบาตรอีก 2,500 ราย สูงกว่าค่าเฉลี่ย 815 รายต่อปี
แนวโน้มดังกล่าวอาจรุนแรงขึ้นภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เคยใช้มาตรการคว่ำบาตรเป็น "เครื่องมือหลักด้านนโยบายต่างประเทศ" โดยเฉพาะกับจีน อิหร่าน และเวเนซุเอลา รวมถึงเคยคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่ ICC ที่สอบสวนทหารสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน ขณะที่มาร์โก รูบิโอ ผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ เป็นผู้สนับสนุนการใช้มาตรการคว่ำบาตรอย่างเข้มงวด และคัดค้านการคว่ำบาตรอิสราเอล
แนวทางของสหรัฐฯ กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเวทีโลก โดย 32 ประเทศในเอเชีย รวมทั้งจีน อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม สนับสนุนญัตติในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ที่เรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะที่สมัชชาใหญ่สหประชาชาติลงมติด้วยคะแนน 187 ต่อ 2 (สหรัฐฯ และอิสราเอล) เรียกร้องให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรคิวบาที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 1960
นักวิชาการเสนอให้ออสเตรเลียพิจารณาแนวทางใหม่ โดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศและสิทธิในการกำหนดใจตนเองของประชาชน ผ่านกลไกที่เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติตามคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้การใช้มาตรการคว่ำบาตรเป็นไปอย่างมีหลักการและเป็นธรรม แทนที่จะผูกติดกับนโยบายของประเทศใดประเทศหนึ่ง
---
ภาพ Image: Screengrab / ABC
ที่มา https://asiatimes.com/2024/12/australia-should-break-with-us-sanctions-under-trump/