จนท.รัฐสังกัด USAID โดนสั่งไม่ต้องมาทำงานหลังข่าว 'ทรัมป์' ไฟเขียวสั่งปิด
4-2-2025
เจ้าหน้าที่องค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือ USAID (U.S. Agency for International Development) ถูกสั่งว่าไม่ต้องเข้าตึกทำงานในวันจันทร์ ที่สำนักงานใหญ่กรุงวอชิงตัน
สำนักข่าวเอพีรายงานข่าวนี้โดยอ้างเอกสารเเจ้งต่อเจ้าหน้าที่ USAID หลังจากที่มหาเศรษฐีอิลอน มัสก์ ที่ทำงานให้กับรัฐบาลในโครงการประหยัดงบประมาณกล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตกลงกับเขาว่าสามารถปิดองค์กรดังกล่าวได้
USAID พบว่า พนักงานกว่า 600 คนระบุว่าไม่สามารถเข้าระบบคอมพิวเตอร์ขององค์กรได้ตั้งแต่ช่วงข้ามคืน
ส่วนผู้ที่สามารถเข้าระบบได้ กล่าวว่ามีอีเมลที่ส่งถึงพวกตนที่ระบุว่า "ตามเเนวทางของผู้นำองค์กร" ตึกสำนักงานใหญ่จะถูกปิดลงในวันที่ 3 กุมภาพันธ์
ข่าวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มัสก์ กล่าวเช้าวันจันทร์ว่า เขาได้คุยกับประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว และว่าผู้นำสหรัฐฯ "ตกลงว่าเราสามารถปิดมันลงได้" โดย USAID เป็นองค์กรอายุ 60 ปีที่ทำงานด้านความช่วยเหลือและการพัฒนา
มัสก์กล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X ว่า “เป็นที่เห็นได้ว่า มันไม่ใช้แอปเปิลที่มีหนอนหนึ่งตัวอยู่ข้างใน…ที่เรามีอยู่ตอนนี้มันคือหนอนทั้งลูกเลย คุณจึงต้องกำจัดทั้งหมดไป มันเกินกว่าที่จะแก้ไขได้”
“เรากำลังปิดมันลง” มัสก์กล่าว
USAID เป็นที่หมายตาของผู้ที่ต้องการตัดลดงบประมาณมาระยะหนึ่งเเล้ว องค์กรนี้ดูเเลเรื่องโครงการพัฒนา งานด้านความมั่นคง และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ในประเทศต่าง ๆ รวมแล้ว 120 ประเทศ
ประธานาธิบดีทรัมป์ อิลอน มัสก์ ตลอดจนนักการเมืองจากพรรครีพับลิกันในสภา ยังได้เคยวิจารณ์ USAID ว่าส่งเสริมงานที่มีเเนวคิดเสรีนิยม
สำนักข่าวเอพีอ้างแหล่งข่าวที่เป็นอดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งและเจ้าหน้าที่ปัจจุบันอีกรายหนึ่ง ซึ่งบอกว่าในช่วงสุดสัปดาห์ รัฐบาลทรัมป์สั่งพักงานเจ้าหน้าที่สูงสุดด้านความปลอดภัยของ USAID สองราย หลังจากที่พวกเขาไม่ส่งมอบข้อมูลชั้นความลับในพื้นที่หวงห้าม ให้กับคณะทำงานตรวจสอบรัฐบาลของมัสก์
ทั้งนี้ เว็บไซต์ของ USAID หายไปจากอินเทอร์เน็ตในวันเสาร์โดยไม่มีคำอธิบาย
ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวคืนวันอาทิตย์ว่าองค์กรดังกล่าวบริหารงานโดย “คนบ้าหัวรุนเเรง” และว่า “เราจะเอาพวกเขาออกไป”
รัฐบาลอเมริกันภายใต้ทรัมป์ ได้ใช้มาตรการระงับความช่วยเหลือต่างชาติครั้งใหญ่ และปิดโครงการจำนวนมากของ USAID ส่งผลให้หน่วยงานที่ทำงานรูปแบบเดียวกันต้องปลดคนออกจากงาน หรือพักงานจำนวนมาก
ในวันอาทิตย์ สว. เอลิซาเบธ วอร์เรน จากพรรคเดโมเเครตโพสต์ข้อความ ที่กล่าวว่า ทรัมป์ได้อนุญาตให้มัสก์เข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่นและให้หยุดส่งเงินงบประมาณรัฐ
เธอกล่าวว่า “เราต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อต่อต้าน และปกป้องคนจากอันตราย"
ขณะเดียวกัน มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ ว่า ในเวลานี้ ตนดำรงตำแหน่งรักษาการผู้อำนวยการ USAID แล้วและได้จ่ายหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานนี้ให้กับเจ้าหน้าที่บางรายด้วย พร้อมย้ำว่า เป้าหมายของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้คือการดำเนินแผนงานการส่งความช่วยเหลือไปยังต่างประเทศของสหรัฐฯ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับผลประโยชน์ของประเทศ
ที่มา: เอพีและวีโอเอ
Photo : x.com/robbystarbuck
--------------------------------------------------------
'ทรัมป์' ชี้ USAID บริหารโดย “กลุ่มคนหัวรุนแรง”
4-2-2025
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ โจมตีผู้นำของสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) โดยระบุว่าองค์กรดังกล่าวได้รับการบริหารจัดการที่ย่ำแย่โดย "กลุ่มคนหัวรุนแรง" ซึ่งคำวิจารณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของ USAID 2 คนถูกพักงาน หลังพยายามยั้งไม่ให้กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) เข้าถึงระบบต่างๆ ขององค์กร โดย USAID ถูกระบุว่า เป็นองค์กรที่มีหน้าที่ส่งเสริมผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างประเทศผ่านรูปแบบต่างๆ ของความช่วยเหลือต่อรัฐบาลต่างประเทศและสถาบันระหว่างประเทศ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 ก.พ.) ทรัมป์กล่าวว่า "องค์กรนี้ถูกบริหารโดยกลุ่มคนหัวรุนแรงหัวรุนแรง และเราจะไล่พวกเขาออกไป จากนั้นเราจะตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของหน่วยงาน"
สำหรับความคิดเห็นดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่าตัวแทนของ DOGE ซึ่งมีอีลอน มัสก์เป็นหัวหน้า ได้เข้าถึงสำนักงานใหญ่ของ USAID ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อทำการตรวจสอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะเดียวกัน เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ USAID ล่ม และบัญชี X ของหน่วยงานก็หายไป ท่ามกลางรายงานที่ว่าทำเนียบขาวกำลังพิจารณาควบรวมหน่วยงานนี้เข้ากับกระทรวงการต่างประเทศ
ขณะที่เมื่อวานนี้ (3 ก.พ.) มัสก์เปิดเผยว่าเขาได้พูดคุยกับทรัมป์ ซึ่ง "เห็นด้วย" ว่า USAID ควรจะปิดตัวลง โดยมัสก์ได้แสดงความคิดเห็นดังกล่าวระหว่างการถ่ายทอดสดทาง X Spaces ในช่วงค่ำวันอาทิตย์ถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยได้พูดคุยเกี่ยวกับ DOGE ว่า เขาได้สอบถามทรัมป์หลายครั้งแล้ว และถามว่า "คุณแน่ใจไหม" ซึ่งประธานาธิบดีก็ได้ยืนยันเช่นนั้น "ดังนั้นเราจึงต้องปิดตัว (USAID) ลง"
ก่อนหน้านี้ มัสก์ได้กล่าวหา USAID ว่า ให้เงินทุนสนับสนุนการวิจัยอาวุธชีวภาพ รวมถึงโครงการที่ถูกกล่าวหาว่านำไปสู่การระบาดของโควิด-19 โดยกล่าวหาว่าหน่วยงานนี้เป็น "องค์กรอาชญากรรม"
ขณะเดียวกัน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (31 ม.ค.) ทีมตรวจสอบ DOGE ได้เข้าถึงระบบภายในของ USAID รวมถึงเว็บไซต์และฐานข้อมูลสำคัญ ซึ่งระบบที่เข้าถึงได้นั้นรวมถึงระบบที่ประกอบด้วยรายงานเกี่ยวกับโครงการในอดีตและปัจจุบัน และระบบที่ใช้ติดตามข้อมูลที่ได้รับมอบหมายจากรัฐสภาและข้อมูลประสิทธิภาพสำหรับโครงการ USAID ทั้งหมดทั่วโลก ตามที่ ABC News รายงาน และเข้าควบคุมระบบซอฟต์แวร์ที่ USAID ใช้ในการติดตามและจัดการงบประมาณ การบัญชี และธุรกรรมทางการเงินของหน่วยงานอีกด้วย
มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยระดับสูง 2 คนของ USAID ถูกพักงานหลังจากที่พวกเขาพยายามป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ DOGE เข้าถึงเอกสารลับระหว่างที่พยายามตรวจสอบการเงินของหน่วยงาน หลังจากที่เจ้าหน้าที่อาวุโสประจำการประมาณ 60 คนของ USAID ถูกพักงานเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ทรัมป์ออกคำสั่งฝ่ายบริหารให้ระงับการช่วยเหลือต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นเวลา 90 วัน เพื่อดำเนินการตรวจสอบการใช้จ่ายอย่างครอบคลุม
IMCT News
ที่มา https://www.rt.com/news/612098-trump-usaid-lunatics/
------------------------------------------------------
USAID เป็นแหล่งเงินลับของ 'จอร์จ โซรอส' หรือไม่?
4-2-2025
Sputnik International ตั้งข้อสังเกตว่า เงินภาษีของประชาชนสหรัฐฯ เป็นตัวกระตุ้นให้จอร์จ โซรอส มีอิทธิพลในระดับโลกหรือไม่ หลังจากที่ในปี 2017 สถาบันวิจัยอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ อย่าง Heritage Foundation อ้างว่า Open Society Foundations (OSF) ของ George Soros ได้กลายมาเป็น "ผู้ดำเนินการหลักในการช่วยเหลือ USAID" ตั้งแต่ปี 2009 เป็นอย่างช้า
ขณะเดียวกัน ความร่วมมือระหว่าง Soros และ USAID เริ่มต้นก่อนหน้านั้นมาก จากเอกสารของ USAID ในปี 1993 ที่แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานได้ลงนามในข้อตกลงกับโครงการฝึกอบรมผู้บริหารของ Soros Foundations เพื่อฝึกอบรม "ผู้เชี่ยวชาญ" จำนวน 30 คนจากบัลแกเรีย เอสโตเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวาเกีย
ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 และต้นทศวรรษ 2000 การปฏิวัติสีหลายครั้งได้เขย่ายุโรปตะวันออก โดยเครือข่าย NGOs ของโซรอสมีบทบาทสำคัญในการก่อความไม่สงบ
ในปี 2003–2004 International Renaissance Foundation ของโซรอสได้ร่วมมือกับ USAID เพื่อสนับสนุน "การปฏิวัติสีส้ม" ของยูเครน ก่อนหน้านี้ สหรัฐฯ ใช้เงินไป 54.7 ล้านเหรียญในปี 2003 และ 34.11 ล้านเหรียญในปี 2004 สำหรับ "โครงการประชาธิปไตย" ในยูเครนผ่านหน่วยงานต่างๆ รวมถึง USAID
Judicial Watch ซึ่งเป็นองค์กรเฝ้าระวังทางกฎหมายของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อเดือนเมษายน 2018 ว่า USAID สนับสนุนแผนงานโลกาภิวัตน์ของโซรอสในกัวเตมาลา ซึ่งโดยรวมแล้ว OSF รายงานว่าใช้เงินไปประมาณ 100 ล้านสหรัฐฯ เกี่ยวกับความไม่สงบในละตินอเมริการะหว่างปี 2015 ถึง 2018
ขณะเดียวกัน ในเดือนตุลาคมปี 2018 องค์กรเฝ้าระวังได้รับเอกสารที่ระบุว่า USAID ร่วมมือกับโซรอสเพื่อระดมทุนให้กับนักเคลื่อนไหวฝ่ายซ้ายหัวรุนแรงในแอลเบเนีย ส่วนในปี 2016 USAID รายงานว่าได้จัดสรรเงิน 9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับแคมเปญที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันการจัดการตะวันออก-ตะวันตกของโซรอส
อีกด้านหนึ่ง ข้อสังเกตที่แสดงให้เห็นถึงขนาดของเงินทุนที่จัดการโดยโครงการที่เชื่อมโยงกับโซรอสก็คือ เมื่อปีที่แล้ว (2024) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีในขณะนั้นได้ขอรับการสนับสนุนเงินเกือบ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ USAID ในปีนี้ (2025)
IMCT News
ที่มา https://sputnikglobe.com/20250203/usaid-soros-secret-cash-cow-1121534067.html