.

สหรัฐฯ พักคำสั่งเก็บภาษีเม็กซิโก-แคนาดา 1 เดือน
4-2-2025
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งพักแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเป็นเวลา 1 เดือนในวันจันทร์ หลังการคุยหารือทางโทรศัพท์ของผู้นำเม็กซิโกและแคนาดา ตามรายงานของรอยเตอร์
นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดและประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย ไชน์บาม ต่างได้คุยโทรศัพท์กับปธน.ทรัมป์ในวันจันทร์ ก่อนที่การเรียกเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันอังคาร โดยทั้งสองผู้นำยอมตกลงที่จะเสริมกำลังตามแนวชายแดนที่ติดกับสหรัฐฯ เพื่อดำเนินการสกัดการอพยพเข้าเมืองและการลักลอบค้ายาเสพติดตามคำเรียกร้องของทรัมป์
ทรูโดกล่าวว่า แคนาดาจะใช้เทคโนโลยีใหม่และเสริมกำลังพลตามแนวชายแดนเพื่อปิดกั้นการลักลอบนำยาเสพติดเฟนทานิลข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ โดยยังไม่มีรายงานยืนยันในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการออกมาจากทำเนียบขาว ขณะจัดทำรายงานข่าวนี้
อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์บอกกับผู้สื่อข่าวหลังการคุยโทรศัพท์รอบที่ 2 กับผู้นำแคนาดาในวันจันทร์ว่า ทุกอย่าง “เป็นไปด้วยดี”
ประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย ไชน์บาม โพสต์ข้อความทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ว่า ได้ยืนยันกับทรัมป์ว่า จะเสริมกองกำลังสำรองตามแนวชายแดนทางเหนือของตนอีก 10,000 นายเพื่อสกัดการหลั่งไหลของยาเสพติดเข้าไปในสหรัฐฯ และสหรัฐฯ จะเดินหน้าทำการป้องการการลักลอบการขนอาวุธร้ายแรงเข้าไปในเม็กซิโก หลังได้พูดคุยกันในวันจันทร์
ต่อมา ปธน.ทรัมป์ระบุในโพสต์ทางสื่อสังคมออนไลน์ทรูธโซเชียล (Truth Social) ว่า สหรัฐฯ และเม็กซิโกจะใช้เวลาที่ยังไม่เริ่มนโยบายเก็บภาษีนำเข้าใหม่ในการเจรจาหารือเพิ่มเติม พร้อมระบุว่า “ผมตั้งหน้าตั้งตารอที่จะเข้าร่วมการเจรจาเหล่านี้ กับปธน.ไชน์บาม และเราจะพยายามหาทางบรรลุ “ข้อตกลง” ระหว่างสองประเทศของเรา”
ข้อมูลจากสำนักสำมะโนสหรัฐฯ ระบุว่า สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าเป็นมูลค่ากว่า 322,000 ล้านดอลลาร์ไปเม็กซิโก และนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกกว่า 475,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023
การตกลงพักแผนงานรัฐบาลสหรัฐฯ ในการเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเกิดขึ้นหลังทรัมป์ประกาศแผนงานนี้ออกมาได้ไม่ถึง 48 ชั่วโมงในการตั้งกำแพงภาษีจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และจากจีนในอัตรา 10% โดยมูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ 3 ประเทศคู่ค้านี้อยู่ที่ราว 2.1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี
ทั้งนี้ เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว กล่าวในวันจันทร์ว่า การกล่าวว่า การเผชิญหน้าที่เกิดขึ้นคือการทำสงครามการค้าเป็นการทำให้สังคมเข้าใจผิด แม้จะมีความเสี่ยงของการยกระดับของสถานการณ์นี้ โดยเฉพาะเมื่อมีการโต้ตอบมาจากแคนาดาและคำขู่จากจีนแล้ว
แฮสเซตต์กล่าวว่า “อ่านคำสั่งฝ่ายบริหารที่ปธน.ทรัมป์ระบุอย่างชัดแจ้ง 100% ให้ดีว่า นี่ไม่ใช่สงครามการค้า .. นี่เป็นสงครามยาเสพติด”
ขณะเดียวกัน ดั๊ก ฟอร์ด มุขมนตรีมณฑลออนแทรีโอ ซึ่งเป็นมณฑลที่มีประชากรมากที่สุดของแคนาดา ประกาศว่า จะระงับแผนการยุติสัญญาบริการอินเทอร์เน็ตสตาร์ลิงก์ (Starlink) ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของ อิลอน มัสก์ ที่ปรึกษาคนสำคัญของทรัมป์ เพื่อโต้ตอบแผนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาของสหรัฐฯ
ฟอร์ดซึ่งประกาศคำสั่งห้ามการทำสัญญากับธุรกิจสัญชาติอเมริกันด้วยในครั้งนี้ ลงนามในสัญญามูลค่า 68 ล้านดอลลาร์กับบริษัทสตาร์ลิงก์ของมัสก์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อขยายบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไปยังพื้นที่ห่างไกลในมณฑลนี้
ก่อนหน้านี้ ผู้นำมณฑลอื่น ๆ ของแคนาดาก็ประกาศว่าจะดำเนินการโต้ตอบนโยบายของทรัมป์เช่นกัน และมีการสั่งหยุดการจำหน่ายน้ำส้มจากรัฐฟลอริดา วิสกี้จากรัฐเทนเนสซีและถั่วลิสงจากรัฐเคนตักกี ในทันทีแล้ว โดยสามรัฐดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ทรัมป์และผู้ท้าชิงเก้าอี้วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วมาได้
ที่มา: วีโอเอและรอยเตอร์
Photo: Jim Allen/FreightWaves
--------------------------------------------------------------------
‘ทรัมป์’ รับ ผู้บริโภคอเมริกันต้อง ‘เจ็บตัว’ เพราะนโยบายกำแพงภาษีรอบใหม่
4-2-2025
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยอมรับว่า ประชาชนชาวอเมริกันจะต้องเจ็บตัวจากพิษเศรษฐกิจ อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายกำแพงภาษีต่อ 3 คู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ อันได้แก่ แคนาดา จีนและเม็กซิโก
ทรัมป์กล่าวว่า นโยบายภาษีนำเข้าใหม่สำหรับ 3 คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ จะทำให้ราคาสินค้า น้ำมัน รถยนต์และข้าวของอื่น ๆ ที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันต้องจ่ายพุ่งสูงขึ้น แต่ชี้ว่า กำแพงภาษีใหม่นี้จะ “คุ้มค่า” กับการเพิ่มผลประโยชน์ของประเทศ
แม้ในรัฐบาลสมัยแรกของทรัมป์นั้น มีการเจรจาทำข้อตกลงการค้าเสรีกับทั้งแคนาดาและเม็กซิโกไว้แล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ปธน.สหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าอัตรา 25% จากทั้งสองประเทศโดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอังคารนี้เป็นต้นไป ก่อนที่ผู้นำเม็กซิโกจะเปิดเผยในวันจันทร์ว่า ได้บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ ในการพักการดำเนินแผนงานนี้ไว้ 1 เดือน
เหตุผลที่ทรัมป์อ้างในการดำเนินแผนงานดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการเก็บภาษีนำเข้า 10% จากจีน ก็คือ เพราะประเทศเหล่านี้ลงมือทำการไม่เพียงพอในการสกัดกั้นการอพยพเข้าสหรัฐฯ โดยผิดกฎหมายและกรณีการหลั่งไหลเข้ามาของยาเสพติดโดยเฉพาะยาเฟนทานิล
ก่อนหน้านี้ ทีมงานของทรัมป์พยายามหลีกเลี่ยงไม่ยอมรับว่า นโยบายกำแพงภาษีดังกล่าวจะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคของสหรัฐฯ พุ่งขึ้น ขณะที่ ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศแสดงให้เห็นว่า ประเด็นความไม่พอใจของผู้บริโภคต่อภาวะราคาสินค้าพุ่งสูงในช่วง 4 ปีก่อนหน้านี้คือปัจจัยหลักที่ทำให้ทรัมป์ได้ชัยในการเลือกตั้งปธน.เหนือคามาลา แฮร์ริส เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
แต่หลังคว้าชัยมาเลือกตั้งมาได้ ทรัมป์ก็ยอมรับว่า การทำให้ราคาสินค้าในตลาดถูกลงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และเชื่อว่า การเรียกเก็บภาษีเพิ่มจากการนำเข้าพลังงานของแคนาดาอีก 10% น่าจะช่วยจำกัดการเพิ่มขึ้นของราคาไฟฟ้าและพลังงานได้
เคียร์สเตน ฮิลล์แมน ทูตแคนาดาประจำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ This Week ทางสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า แคนาดารู้สึก “ผิดหวัง” และ “งงงวย” ไปกับสิ่งที่ทรัมป์ดำเนินการและกล่าวว่า มี “ผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายไม่ถึง 1%” เดินทางเข้าสหรัฐฯ ผ่านพรมแดนแคนาดา และยืนยันว่า แคนาดาทำการลงทุน “ในเครื่องมือมากมาย” เพื่อจัดการกับปัญหาการข้ามแดนโดยไม่ได้รับอนุญาตและยังทำการร่วมฝึกซ้อมกับฝ่ายสหรัฐฯ เพื่อจับตัวบุคคลเหล่านั้นด้วย
ที่มา: วีโอเอ