.

แคนาดาได้นายกฯ คนใหม่ 'มาร์ค คาร์นีย์' แทนทรูโด
11-3-2025
มาร์ค คาร์นีย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางของแคนาดา ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคลิเบอรัล (Liberal Party) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลแคนาดา และได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แทนจัสติน ทรูโด
คาร์นีย์ วัย 59 ปี ได้รับชัยชนะเหนืออดีตรัฐมนตรีการคลัง คริสเทีย ฟรีแลนด์ ในการลงคะแนนเมื่อวันอาทิตย์ โดยมีสมาชิกพรรคกว่า 150,000 คนร่วมออกเสียง
คาร์นีย์จะเข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาที่ท้าทายของแคนาดา ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐฯ ที่เป็นพันธมิตรกันมาช้านาน และคำกล่าวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะรวมแคนาดาเข้ามาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ
จัสติน ทรูโด ประกาศไว้เมื่อเดือนมกราคมว่าจะลงจากตำแหน่งเพื่อเปิดทางให้กับผู้นำคนใหม่ หลังจากที่นั่งในตำแหน่งนายกฯ มานานกว่า 9 ปี และคะแนนนิยมเริ่มลดต่ำลงในช่วงหลัง ทำให้พรรคลิเบอรัลต้องเร่งเฟ้นหาผู้นำคนใหม่มาทำหน้าที่แทน
คาร์นีย์ ซึ่งถือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน แต่เป็นหน้าใหม่ทางการเมือง กล่าวว่า ตนคือทางเลือกที่ดีที่สุดในการกู้ภาพลักษณ์ของพรรค และจัดการเจรจาการค้ากับประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ใช้กำแพงภาษีข่มขู่แคนาดา
ระหว่างการหาเสียง คาร์นีย์กล่าวว่าตนจะใช้มาตรการตอบโต้กำแพงภาษีของสหรัฐฯ แบบตาต่อตา-ฟันต่อฟัน-ดอลลาร์ต่อดอลลาร์ พร้อมทั้งสนับสนุนการลงทุนในประเทศเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาลง
มาร์ค คาร์นีย์ เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติแคนาดา (Bank of Canada) ระหว่างปี 2008 - 2013 และผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติอังกฤษ (Bank of England) ระหว่างปี 2013 - 2020 ถือเป็นชาวต่างชาติคนแรกที่ได้เป็นผู้บริหารสูงสุดของธนาคารแห่งชาติอังกฤษ
ในปี 2020 คาร์นีย์รับตำแหน่งผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติด้านสภาพภูมิอากาศและการเงิน
เขาจบการศึกษาปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และปริญญาโทด้านเศรษฐศาสตร์เช่นกัน จากมหาวิทยาลัยอ็อกฟอร์ด และเคยเป็นผู้บริหารของธนาคารโกลด์แมนแซคส์ นาน 13 ปี
ที่ผ่านมา คาร์นีย์คือตัวเต็งตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ และได้รับเสียงสนับสนุนมากที่สุดจากบรรดาสมาชิกพรรคลิเบอรัล
ชัยชนะของเขาในครั้งนี้ยังถือเป็นครั้งแรกที่บุคคลผู้ไม่มีภูมิหลังทางการเมืองสามารถก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของแคนาดาได้
ที่มา: รอยเตอร์ และเอพี
-----------------------------------------
ว่าที่นายกฯ แคนาดาลั่น! จะเอาชนะสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ให้ได้!
11-3-2025
มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดาต่อจากจัสติน ทรูโด ให้คำมั่นว่าจะสู้และเอาชนะสงครามการค้ากับสหรัฐฯ โดยเตือนว่าภาษีตอบโต้จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปจนกว่า "ชาวอเมริกันจะแสดงความเคารพต่อเรา" หลังจากที่ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (2025) เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% รวมถึงภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน 10%
มาตรการดังกล่าวซึ่งล่าช้าไปหนึ่งเดือน มีผลบังคับใช้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 มี.ค.) โดยให้การยกเว้นแก่ผู้ผลิตรถยนต์และสินค้าที่ครอบคลุมภายใต้ข้อตกลงสหรัฐฯ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) จนถึงเดือนเมษายน (2025) ออตตาวาตอบโต้ด้วยการกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกำหนดภาษีเพิ่มเติมอีก 125 พันล้านดอลลาร์ในเดือนหน้า
สำหรับคาร์นีย์ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเสรีนิยมของแคนาดาด้วยคะแนนเสียง 85.9% ทำให้เขาจะก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศต่อจากทรูโด ซึ่งในสุนทรพจน์เปิดงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.) คาร์นีย์ได้วิจารณ์ทรัมป์ที่ “กำหนดภาษีศุลกากรที่ไม่ยุติธรรม” ซึ่งเขากล่าวว่า “เป็นการโจมตีครอบครัวชาวแคนาดา” และกล่าวหาว่าเขาพยายาม “ทำลายวิถีชีวิตของชาวแคนาดา”
“มีคนพยายามทำให้เศรษฐกิจของเราอ่อนแอลง โดนัลด์ ทรัมป์กำหนดภาษีศุลกากรที่ไม่ยุติธรรมกับสิ่งที่เราสร้าง สิ่งที่เราขาย และวิธีที่เราหาเลี้ยงชีพ” โดย “รัฐบาลแคนาดากำลังตอบโต้อย่างถูกต้องด้วยภาษีศุลกากรของเราเอง ซึ่งจะส่งผลกระทบสูงสุดในสหรัฐอเมริกาและน้อยที่สุดที่นี่ในแคนาดา รัฐบาลของฉันจะคงภาษีของเราไว้จนกว่าชาวอเมริกันจะแสดงความเคารพต่อเรา”
ขณะเดียวกัน คาร์นีย์กล่าวโดยอ้อมถึงข้อเสนอแนะของทรัมป์ที่ว่าประเทศของเขาควรเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ ว่า “แคนาดาจะไม่มีวันเป็นส่วนหนึ่งของอเมริกาไม่ว่าในรูปแบบใดก็ตาม” เพราะ“เราไม่ได้ขอให้มีการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ชาวแคนาดาพร้อมเสมอเมื่อมีใครปล่อยหมัด ดังนั้นชาวอเมริกันไม่ควรเข้าใจผิด... ในการค้า เช่นเดียวกับฮ็อกกี้ แคนาดาจะชนะ” คาร์นีย์กล่าว พร้อมเตือนว่า “ชัยชนะครั้งนี้จะไม่ง่าย”
พรรคเสรีนิยมที่ปกครองแคนาดา ได้เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งผู้นำประเทศ หลังจากที่จัสติน ทรูโดลาออกในเดือนมกราคมที่ผ่านมา (2025) หลังจากคะแนนนิยมที่ต่ำซึ่งเชื่อมโยงกับเงินเฟ้อ วิกฤตที่อยู่อาศัย และปัญหาเศรษฐกิจ คาร์นีย์เอาชนะผู้สมัครสี่คน รวมถึงอดีตรัฐมนตรีคลัง คริสเทีย ฟรีแลนด์ โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนเดียวที่สามารถรับมือกับวิกฤตนี้ได้
ก่อนเข้าสู่วงการการเมือง คาร์นีย์ได้ให้คำแนะนำทรูโดเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจและดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งแคนาดาและธนาคารแห่งอังกฤษ เขาจะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ได้ยืนยันว่าภาษีศุลกากรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน โดยเรียกการเลื่อนออกไปว่าเป็น “การหยุดชะงักเล็กน้อย” ตามที่โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าว โดยระบุว่าภาษีเหล็กและอลูมิเนียมจะเริ่มขึ้นในวันพุธ (12 มี.ค.) ขณะที่ภาษีผลิตภัณฑ์นมและไม้แปรรูปของแคนาดาจะตามมา
ลุตนิกกล่าวว่า ข้อจำกัดดังกล่าวจะคงอยู่จนกว่าทรัมป์จะ "สบายใจ" กับวิธีที่แคนาดาและเม็กซิโกจัดการกับการไหลเข้าของเฟนทานิลสู่สหรัฐฯ ขณะที่เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาว กล่าวถึงมาตรการดังกล่าวว่าเป็น "สงครามยาเสพติด ไม่ใช่สงครามการค้า"
IMCT News
ที่มา https://www.rt.com/news/613960-canada-will-win-trade-war/
----------------------------------------
"ออนแทรีโอ" สั่งขึ้นค่าไฟผู้บริโภคอเมริกา 25%-ตอบโต้สงครามการค้าทรัมป์
11-3-2025
มุขมนตรีมณฑลออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ประกาศสั่งขึ้นค่าไฟ 25% สำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกันที่รับไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านทางเหนือนี้ไปใช้งาน เพื่อตอบโต้การทำสงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
มณฑลออนแทรีโอคือ เขตการปกครองที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของแคนาดาและเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าส่งให้พื้นที่รัฐมินนิโซตา นิวยอร์กและมิชิแกนของสหรัฐฯ
ดัก ฟอร์ด มุขมนตรีของมณฑลนี้ กล่าวระหว่างการแถลงข่าวในนครโตรอนโตว่า ตนไม่ลังเลเลยในการสั่งปรับขึ้นค่าไฟ และหากสหรัฐฯ ทำให้สถานการณ์การค้าระหว่างสองประเทศตึงเครียดขึ้นไปกว่าที่เป็นอยู่ ตนจะสั่งให้ปิดการส่งไฟให้ผู้บริโภคอเมริกันทันที
ฟอร์ดกล่าวด้วยว่า “เชื่อเถอะ ผมไม่ต้องการจะทำอย่างนี้เลย ผมรู้สึกแย่แทนคนอเมริกันที่ไม่ได้เป็นคนเริ่มสงครามการค้านี้ คน ๆ เดียวที่ต้องรับผิดชอบคือ ประธานาธิบดีทรัมป์”
มุขมนตรีมณฑลออนแทรีโอกล่าวด้วยว่า จะเดินหน้าการเก็บภาษีดังกล่าวต่อไป แม้ปธน.ทรัมป์จะสั่งเลื่อนการบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าแคนาดาอัตรา 25% เป็นเวลา 4 สัปดาห์ก็ตาม เพราะ 1 เดือนของการระงับการใช้นโยบายนี้ไม่ได้มีผลดีอะไรเลย แต่ยังนำมาซึ่งความไม่แน่นอนยิ่งกว่าเดิมด้วย ขณะที่ มณฑลควิเบกก็กำลังพิจารณาจะดำเนินมาตรการขึ้นภาษีค่าไฟที่ส่งไปสหรัฐฯ เช่นกัน
ตามข้อมูลจากสำนักงานมุขมนตรีมณฑลออนแทรีโอ กฎใหม่นี้ระบุว่า ผู้ผลิตไฟฟ้าในแคนาดาที่ขายไฟฟ้าให้สหรัฐฯ ต้องคิดค่าธรรมเนียมเพิ่ม 25% โดยมณฑลแห่งนี้คาดว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้มีรายได้เพิ่มวันละ 208,000-277,000 ดอลลาร์ “ซึ่งจะถูกนำไปใช้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ สมาชิกในครอบครัวและบริษัทในออนแทรีโอ”
ค่าธรรมเนียมนี้เป็นส่วนที่คิดเพิ่มเติมจากภาษีโต้ตอบมูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ที่รัฐบาลกลางแคนาดาสั่งดำเนินการเก็บจากสินค้าต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ตั้งแต่น้ำส้มคั้น ไปจนถึงเนยถั่ว กาแฟ เครื่องใช้ในครัวเรือน รองเท้า เครื่องสำอาง มอเตอร์ไซเคิลและผลิตภัณฑ์กระดาษและเยื่อกระดาษบางประเภท
ทั้งนี้ ประเด็นสงครามการค้าเพราะนโยบายของทรัมป์และการที่ผู้นำทำเนียบขาวเรียกแคนาดาว่าเป็น รัฐที่ 5 ของสหรัฐฯ ทำให้ชาวแคนาดาโกรธเคืองมาก จนมีคนทำเสียงโห่ระหว่างมีการบรรเลงเพลงชาติสหรัฐฯ ที่การแข่งขันฮอกกี้ NHL และบาสเก็ตบอล NBA ไปแล้ว ขณะที่ บางคนตัดสินใจยกเลิกแผนการท่องเที่ยวในสหรัฐฯ และหลายคนหลีกเลี่ยงการซื้อสินค้าอเมริกันบ้างแล้ว
ดัก ฟอร์ด มุขมนตรีของมณฑลออนแทรีโอ ยังเปิดเผยด้วยว่า มณฑลแอลเบอร์ตาได้ตกลงที่จะคิดภาษีส่งออกสำหรับน้ำมันด้วย โดยมณฑลแห่งนี้ส่งน้ำมันถึง 4.3 ล้านบาร์เรลไปสหรัฐฯ ในแต่ละวัน
แม้ทรัมป์จะกล่าวอ้างว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องพึ่งพาน้ำมันจากแคนาดา ข้อมูลชี้ว่า เกือบ 1 ใน 4 ของน้ำมันที่สหรัฐฯ ใช้อยู่นั้นมาจากประเทศเพื่อนบ้านทางเหนือแห่งนี้ ขณะที่ ราว 60% ของน้ำมันดิบที่อเมริกานำเข้ามาจากแคนาดาเช่นกัน และ 85% ของไฟฟ้าที่สหรัฐฯ นำเข้าก็มาจากแคนาดา
ที่มา: เอพี