.

ราคาทองอาจทะลุ $25,000-$55,000 หากสหรัฐฯ ปรับประเมินมูลค่าทองสำรองใหม่
10-3-2025
Kitco News รายงานว่า Tavi Costa นักยุทธศาสตร์ Crescat Capital ชี้ราคาทองอาจพุ่งสู่ $25,000-$55,000 หากสหรัฐฯ ประเมินมูลค่าสำรองทองใหม่ พร้อมเปิดเผยต่อไปว่า
ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นพร้อมกันทั้งในเศรษฐกิจตะวันออกและตะวันตกซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก กำลังผลักดันให้ราคาโลหะมีค่าปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ราคาเงินก็กำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะกลับไปแตะระดับสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง
ในระหว่างการประชุม PDAC 2025 ที่เมืองโตรอนโต คอสตาได้ให้สัมภาษณ์กับคิตโก นิวส์ว่า จากการเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีต บ่งชี้ว่าทองคำอาจถูกประเมินมูลค่าใหม่อย่างก้าวกระโดด
"รายงานล่าสุดของเราวิเคราะห์โอกาสที่ราคาทองคำจะพุ่งขึ้นสู่ระดับไม่ธรรมดา หากสหรัฐฯ ทำการประเมินมูลค่าทองคำสำรองใหม่เทียบกับมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลที่อยู่ในระบบ" คอสตากล่าว
"สำหรับผม ปัจจัยสำคัญอยู่ที่พันธบัตรรัฐบาล ปัจจุบันมีพันธบัตรรัฐบาลอยู่ในระบบมูลค่า 36 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ทองคำสำรองของเรามีเท่าไร?" คอสตากล่าว
ปัจจุบัน มูลค่าทองคำสำรองของสหรัฐฯ คิดเป็นเพียง 2% ของมูลค่าพันธบัตรรัฐบาลที่อยู่ในระบบ เทียบกับสัดส่วนที่เคยอยู่ที่ประมาณ 17% ในช่วงทศวรรษ 1970 และเกือบ 40% ในทศวรรษ 1940
"หากเรากลับไปที่ระดับ 17% อีกครั้ง ราคาทองจะพุ่งไปที่ 25,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือถ้ากลับไปที่ 40% ราคาก็จะแตะ 55,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์" คอสตาอธิบาย พร้อมย้ำว่านี่ไม่ใช่เป้าหมายราคา แต่เป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของการเปลี่ยนแปลงมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญ
คอสตาเน้นว่าธนาคารกลางทั่วโลกได้สะสมทองคำในระดับสูงสุดในรอบ 50 ปีนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลก ขณะที่ทองคำสำรองของสหรัฐฯ กลับอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 90 ปี ความแตกต่างนี้อาจสร้างแรงกดดันให้สหรัฐฯ ต้องทบทวนนโยบายทองคำใหม่
นอกจากนี้ คอสตายังแสดงความกังวลอย่างมากต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ถูกประเมินค่าสูงเกินจริง โดยระบุว่าน่าจะถึงจุดสูงสุดแล้วและอยู่ในระดับที่สูงเกินจริงมากที่สุดในประวัติศาสตร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น เขายกตัวอย่างเหตุการณ์ในอดีตที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกลดค่า เช่น ข้อตกลงพลาซ่าในปี 1985 และเหตุการณ์ในช่วงทศวรรษ 1930
"สิ่งที่เรารู้คือ ดอลลาร์น่าจะถึงจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ ดังนั้น ในฐานะนักลงทุน คุณควรทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้?" เขากล่าว
คอสตาเชื่อว่า ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงจะเป็น "สัญญาณไฟเขียวให้กับสินทรัพย์หลายประเภทที่ถูกละเลยมานาน" ซึ่งรวมถึงตลาดเกิดใหม่และทรัพยากรธรรมชาติ
สำหรับราคาเงิน คอสตามองว่า "กำลังอยู่ในจุดที่จะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกลับไปสู่ระดับสูงสุดตลอดกาล" เขาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นที่เป็นบวก และเชื่อว่าโลหะที่เกี่ยวข้องกับทองคำ รวมถึงเงิน ดูน่าสนใจมากในช่วงเวลานี้
"ผมจะไม่แปลกใจเลยหากเราเห็นราคาเงินพุ่งขึ้นจนปิดที่ระดับสูงสุดรายไตรมาส ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 40 ดอลลาร์" คอสตากล่าว
เขายังเชื่อมั่นว่ารูปแบบกราฟทางเทคนิคแบบ "ถ้วยและหูจับ" ในราคาเงินบ่งชี้ว่าการทะลุกรอบการซื้อขายอาจเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงอุปทานของเงินที่มีจำกัดและความต้องการที่เพิ่มขึ้น
จากมุมมองเกี่ยวกับดอลลาร์และโลหะมีค่า คอสตาแนะนำให้นักลงทุนปรับสมดุลการลงทุนใหม่โดยลดสัดส่วนจากหุ้นเทคโนโลยีไปสู่สินค้าโภคภัณฑ์และตลาดเกิดใหม่ เขาชี้ให้เห็นถึงการประเมินมูลค่าที่สูงของหุ้นสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับตลาดเกิดใหม่ รวมถึงสังเกตเห็นสถานะเงินสดที่สูงของนักลงทุนอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงโอกาสในการนำเงินกลับมาลงทุนใหม่เมื่อสินทรัพย์มีมูลค่าที่น่าดึงดูดมากขึ้น
---
IMCT NEWS