Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
21/4/2024
บิทคอยน์ สุดยอดแห่งคริปโตเคอเรนซี กำลังตกเป็นเหยื่อของความผันผวนในตลาด เพราะแม้จะมีราคาพุ่งราวกระทิงดุในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ดูเหมือนว่า ทุกครั้งที่แตะไปถึงระดับ 70,000 ดอลลาร์ บิทคอยน์ก็จะมีราคาร่วงตกลงมาอีก
บางคนเชื่อว่า ปรากฏการณ์ BTC Halving หรือการลดรางวัลบล็อกของนักขุดให้เหลือเพียงครึ่งหนึ่ง เพื่อจำกัดปริมาณของบิทคอยน์ในทุกๆ 4 ปี ทำให้บิทคอยน์เพิ่มจำนวนในอัตราที่ช้าลง สวนทางกับความต้องการถือเหรียญบิทคอยน์ที่มีมากขึ้น จะช่วยดันราคาบิทคอยน์ให้ทะลุทะลวงไปไกล
แต่ก็มีอยู่บางปัจจัยเช่นกัน ที่อาจทำให้บิทคอยน์ราคาร่วงได้ เช่น สภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสงครามอิสราเอลกับอิหร่าน ที่เป็นตัวการทำให้ราคาบิทคอยน์ยากที่จะเสถียร เพราะทุกครั้งที่เกิดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง นักลงทุนก็จะรีบเทขายบิทคอยน์เพื่อทำกำไรไว้ก่อน อย่างเหตุการณ์อิหร่านโจมตีอิสราเอลครั้งหลังสุด ที่ส่งผลให้สภาพคล่องหายไปจากตลาดคริปโตถึง 130 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 4,800 ล้านบาท
ส่วนปัจจัยทางเศรษฐกิจก็มีส่วน หลายฝ่ายต่างหวั่นวิตกวิกฤติหนี้พอกพูนเศรษฐกิจสหรัฐ จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐปล่อยให้มีการกู้ยืมเงินจนมากเกินความพอดี และถ้าสถานการณ์เข้าขั้นอันตราย ก็อาจจุดชนวนให้ตลาดพันธบัตรล้ม ตามมาด้วยตลาดสินทรัพย์ร่วง เศรษฐกิจสหรัฐก็จะระเนระนาดอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง นักลงทุนจะตื่นตระหนกจนรีบเทขายบิทคอยน์ กดราคาบิทคอยน์ให้ร่วงได้ในอนาคต
การที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ อนุมัติให้ตั้งกองทุน Spot Bitcoin ETFs อย่างเป็นทางการ ก็ทำให้นักลงทุนพุ่งเข้าหาบิทคอยน์ด้วยความโลภ โดยหวังว่า จะช่วยคืนกำไรได้ในไม่ช้า ซึ่งนักลงทุนประเภทนี้นี่เองที่ทำให้บิทคอยน์มีราคาผันผวนในช่วงที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการไล่ซื้อหรือเทขายอย่างพลุ่งพล่าน ส่งผลให้ราคาบิทคอยน์อาจร่วงลงได้ในอนาคต เพราะถูกมองว่า ไม่ใช่สินทรัพย์ที่เสถียร
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://watcher.guru/news/3-reasons-why-bitcoin-is-falling-in-a-bullish-market-phase
© Copyright 2020, All Rights Reserved